Climate Change วิกฤตการณ์ภาวะโลกร้อน ที่มองข้ามไม่ได้..อีกต่อไป

Climate Change

โลกของเราได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ หรือ Climate Change มากมาย ที่เห็นได้ชัดคือ อุณภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้น จนเกิดเป็นภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน ทำให้น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกละลาย หรือมีระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นทุกปี ซึ่งทั้งหมดนี้ ล้วนเกิดจากพฤติกรรมของมนุษย์แทบทั้งสิ้น โดยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศนั้นเกิดจากกิจกรรมเล็กน้อยรอบตัว เช่น การใช้ถุงพลาสติก หรือเผาขยะ ก็ส่งผลกระทบกับสภาพอากาศในระยะยาวได้

ด้วยเหตุนี้ โรงกลึง โรงงานอุตสาหกรรม ในแวดวงการผลิตไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป อันเนื่องมาจากไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าขยะอุตสาหกรรม ขยะมูลฝอยที่ถูกกำจัดอย่างไม่ถูกต้อง หรือกระบวนต่าง ๆ อันได้มาซึ่งผลผลิตที่ตรงตามเป้า มีประสิทธิภาพ แม้กระนั้นก็ตามอาจจะไม่ได้ผ่านกรรมวิธีที่เป็นมิตรกับโลกนี้มากนัก ถึงเวลาเเล้วแหละที่เราต้องศึกษาและตระหนักถึงภัยร้ายของสิ่งเหล่านี้ เพื่ออนาคตของลูกหลานของเรา ก่อนที่โลกจะย่ำแย่ไปมากกว่านี้ และระเบิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ออกมาโต้ตอบพวกเราบ้าง

Climate Change
Image by wirestock on Freepik

สาระที่เกี่ยวข้องกับการ ลดโลกร้อน

https://athena.aobrom.com/boost-up/hype/change-your-day-reduce-carbon-footprint

Climate Change คืออะไร และมีสาเหตุมาจากอะไร

Climate Change หรือ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ คือ การเปลี่ยนแปลงสภาพของภูมิอากาศทั้งทางตรงที่เกิดจากการผันแปรของธรรมชาติ และทางอ้อมผันแปรผ่านกิจกรรมของมนุษย์ ซึ่งสาเหตุที่กิจกรรมของมนุษย์มีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศนั้น เกิดจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ เช่น การใช้ถุงพลาสติก เผาขยะ ตัดไม้ทำลายป่า ฯลฯ ก่อให้เกิดปัญหาภาวะโลกร้อน

อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้นจนเกินความสมดุล ทั้งในบริเวณอากาศใกล้ผิวโลก ไปจนถึงน้ำในมหาสมุทร หากมนุษย์ยังคงมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผลิตพลาสติกหรือทำอุตสาหกรรมที่มีการใช้เชื้อเพลิง ปล่อยควันเสียออกจากโรงงาน หรือตัดไม้ทำลายป่า ฯลฯ โลกก็ยังต้องเผชิญปัญหาโลกร้อนต่อไป และแน่นอนว่าปริมาณก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศก็จะทวีสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

ส่งผลกระทบกับโลกอย่างไร

ไม่ใช่แค่เพียงอุณหภูมิโลกที่พุ่งสูงขึ้น แต่ค่ามลพิษทางอากาศก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย โดยเฉพาะ PM2.5 มลพิษทางอากาศที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพมนุษย์ในปัจจุบัน ผู้คนส่วนใหญ่ต่างได้รับผลกระทบจาก PM2.5 ทำให้มีผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และมีผู้เสียชีวิตทั่วโลกมากถึงห้าเท่า หรือคิดอัตราการเจ็บป่วยจากภาวะมลพิษทางอากาศอยู่ที่ประมาณ 6 ล้านคนต่อวัน 

นอกจากนี้งานวิจัย The International Labour Organization หรือ ILO เกี่ยวกับด้านอุตสาหกรรมโดยเฉพาะพบว่าเมื่อโลกมีสภาพอากาศร้อนมากขึ้น จะทำให้ผู้ใช้แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เสี่ยงต่อการเป็นโรคลมแดดได้ ซึ่งประเทศที่ไม่คุ้นชินกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้น มีมาตรการในการป้องกันผู้ใช้แรงงาน โดยกำหนดให้พนักงานทำงานในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 35 องศา เพื่อปกป้องพนักงานจากสภาพภูมิอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพราะหากพนักงานเจ็บป่วยหรือได้รับผลกระทบจาก Climate Change ขึ้นมา จำเป็นต้องลาป่วย หรือหยุดงานกลางคันเพื่อรักษาสุขภาพ และเมื่อพนักงานขาดรายได้ประจำ ภาพรวมต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมก็จะได้รับผลกระทบตามมาด้วย เรียกได้ว่า ภาวะโลกร้อน เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบกับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการบริโภคหรือการทำอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ที่เป็นแรงงานสำคัญของชาติ

Climate Change
Image by Freepik

ส่งผลกระทบกับประเทศไทยอย่างไร

สำหรับประเทศไทยส่งผลกระทบหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ ด้านเกษตรกร ด้านการท่องเที่ยว และอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้เกิดปัญหาด้านการส่งออกสินค้าและบริการ เพื่อที่จะสร้างรายได้ให้กับประเทศ หรือแม้แต่เศรษฐกิจในประเทศเองก็สามารถเป็นลบได้ไม่แพ้กัน โดยสามารถสรุปผลกระทบได้ดังนี้

การท่องเที่ยวในประเทศไทย

ส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดหนีไม่พ้นทางด้านเศรษฐกิจ นั่นคือ การท่องเที่ยวของไทย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศก่อให้เกิดปัญหาทางระบบนิเวศ สภาพอากาศขาดความสมดุลกัน ส่งผลให้น้ำทะเลมีระดับที่สูงขึ้น พบสัตว์ทะเลเกยตื้นชายหาด หรือมีสภาพอากาศร้อนกว่าปกติ ส่งผลกระทบในการท่องเที่ยวไทย 

นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศที่ร้อนจัดไม่สะดวกในการเดินท่องเที่ยว ส่งผลให้เหล่าผู้ประกอบการในธุรกิจด้านการท่องเที่ยวขาดรายได้ รวมถึงอาจก่อให้เกิดภัยทางธรรมชาติ เช่น อุทกภัยน้ำท่วม เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้น คือ ภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่กับชาวบ้านในประเทศ

เกษตรกรรมในประเทศไทย

อีกส่วนหนึ่งที่ได้ผลกระทบไม่แพ้กันก็คือด้านเกษตรกรรม ชาวบ้านไม่ได้ผลผลิตทางการเกษตรตามที่ต้องการ เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น บางวันมีอุณหภูมิถึง 35-40 องศา และฝนตกไม่ตรงตามฤดูกาล แมลงและวัชพืชต่าง ๆ จึงมาทำลายแปลงเกษตรในไร่ ทำให้ได้ผลผลิตน้อยและไม่ได้มาตรฐาน ไม่สามารถส่งออกไปต่างประเทศได้ นอกจากนี้ มีอีกหนึ่งผลกระทบที่สามารถเห็นได้ชัด คือ ปัญหาภัยแล้ง ที่หนักสุดในรอบหลายสิบปี ซึ่งคาดการว่าในปีหน้าและปีต่อ ๆ ไปจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

Climate Change
Image by jcomp on Freepik

การทำลายทรัพากรธรรมชาติของมนุษย์

ใครจะคิดว่า การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ นั้นส่วนหนึ่งเกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น การใช้ถุงพลาสติก เผาขยะ หรือการเผาไม้ทำลายป่า เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบหลายด้านทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยว นับเป็นเรื่องใกล้ตัวเราทุกคนเป็นอย่างมาก

เปลี่ยนวิถีชีวิต เปลี่ยนแปลงโลกให้ห่างไกลภาวะโลกร้อน

สิ่งสำคัญที่เราต้องต่อนั่นก็คือการแก้ไขระบบนิเวศถูกทำลายหรือขาดสมดุลไปมากกว่านี้ มนุษย์ทุกคนต้องร่วมด้วยช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติ ไม่นิ่งนอนใจ หรือปล่อยให้เป็นเพียงหน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่จะต้องลุกขึ้นมาช่วยกันแก้ไขปัญหา เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยมือเรา เพียงลดการใช้ถุงพลาสติกแล้วหันมาใช้ถุงผ้า ลดมลพิษทางอากาศด้วยการนั่งรถประจำทางสาธารณะ คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวให้มากขึ้น เพียงเท่านี้ก็ช่วยสร้างโลกใบใหม่ให้น่าอยู่กว่าเดิมได้ ลงมือทำวันนี้เลย !

ลดโลกร้อนด้วย แอปพลิเคชัน Sustainability

https://athena.aobrom.com/geek/best-sustainability-apps-for-eco-friendly

Cover Image : Image by Freepik

Reference source & credit :

https://www.scbeic.com/th/detail/product/703

https://sdthailand.com/2019/08/global-warming-temperature-exceeds-climate-change

Safety First ! ส่องอนาคตด้านสุขภาพและ ความปลอดภัยในโรงงาน

ความปลอดภัยในโรงงาน

ในปัจจุบันนี้สุขภาพและ ความปลอดภัยในโรงงาน ในอุตสาหกรรม ทั้งในประเทศอุตสาหกรรมทั่วโลกหรือแม้แต่ประเทศไทยต่างก็มีแนวคิด วิธีการ และนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อมาเสริมสร้างการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และยังต้องได้ผลผลิตที่ยอดเยี่ยมตรงตามมาตรฐานการผลิด โรงกลึงพีวัฒน์เองก็ยังคงหาข้อมูลและอัปเดทเกี่ยวกับสิ่งนี้เพื่อนำมาปรับพัฒนาคุณภาพของพนักงานช่าง วิศวกร ในโรงกลึงของเราเสมอ โดยตามหลักแล้วทุกอุตสาหกรรมจะยึดหลักการเดียวกันว่าพนักงานทุกคนจะต้องมีความปลอดภัยเป็นสำคัญอันดับแรก เนื่องจากต้องทำงานท่ามกลางเครื่องจักร ตามด้วยส่งเสริมให้พนักงานมีความสุขในการทำงานและสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถยึดมาตรฐาน ISO 45001 ที่นับว่าเป็นมาตรการความปลอดภัยระดับสากลที่ทั่วโลกต่างต้องมี

5 เทรนด์พัฒนาสุขภาพและ ความปลอดภัยในโรงงาน ในอุตสาหกรรม

สำหรับการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยในโรงงานในอุตสาหกรรม ถ้าสังเกตต่างก็มีนวัตกรรมมากมายเพื่อมาช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยหากอธิบายแบบให้เห็นชัด ๆ ว่า 5 เทรนด์ที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตในการทำงานของพนักงานทุกคนในองค์กรสามารถทำได้อย่างไร สามารถตามอ่านกันได้เลย

(1) การพัฒนาด้านสุขภาพและพลานามัยของพนักงานพื้นฐาน

สำหรับพื้นฐานด้านสุขภาพและพลานามัยของพนักงานนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำตั้งแต่ต้น ซึ่งในจุดนี้ควรจะมีในทุก ๆ องค์กรเพื่อที่ว่าจะสามารถพัฒนาชีวิตขั้นพื้นฐานของพนักงานให้เป็นไปในทิศทางที่ดี และยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยเรื่องที่จะต้องเน้นมีรายละเอียดดังนี้

  • การได้รับโภชนาการอาหารที่ครบถ้วน – สำหรับการได้รับโภชนาการอาหารที่ครบถ้วนนับเป็นสิ่งที่สามารถส่งเสริมสุขภาพที่ดีของพนักงานได้ในระยะยาว
  • การได้รับการดูแลทางร่างกายและจิตใจ – การทำงานของพนักงานจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการใส่ใจในการดูแลสุขภาพทั้งในเรื่องของร่างกายและจิตใจที่จะต้องหมั่นเช็กเสมอนับว่าเป็นการป้องกันสุขภาพที่ดี
  • การให้ความสำคัญกับสังคมและเศรษฐกิจ – สังคมในที่ทำงานนับเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเป็นไปในทิศทางบวก รวมทั้งเศรษฐกิจที่จะต้องให้ความสำคัญ เพื่อที่จะทำความเข้าใจพนักงานในเรื่องของสวัสดิการและรายได้ที่ดี
ความปลอดภัยในโรงงาน
Image by Freepik

(2) อัพเดทอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล PPE ตามสายงานอุตสาหกรรม

การทำงานในอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ นับเป็นสิ่งสำคัญที่ควรใส่ใจในเรื่องของยูนิฟอร์ม รวมไปถุงอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล PPE ตามแต่ละสายงานอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ป้องกันที่ครบถ้วน และพนักงานทุกคนควรจะมีของตัวเองเพื่อสามารถเพิ่มความปลอดภัยในโรงงานให้กับพนักงานได้เป็นอย่างดี

  • ยูนิฟอร์มเหมาะสมกับรูปแบบการทำงาน – ยูนิฟอร์มนับเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ควรดีไซน์ให้เหมาะสมกับการทำงานประเภทต่างๆ ซึ่งหนึ่งที่ทางต่างประเทศให้ความใส่ใจนั่นก็คือ การทำเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ไร้รอยต่อ เบาทำให้สะดวกแก่การทำงาน หรือหากต้องมีถุงมือก็จะเป็นถุงมือถักไร้รอยต่อและเหมาะกับมือของบุคคลนั้นๆ 
  • อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล PPE – สำหรับอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล PPE นับเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากที่จะต้องตระเตรียมให้พร้อม แต่ทั้งนี้การเพิ่มระบบเซ็นเซอร์ภายในชุด เพื่อเช็คอัพติดตามการทำงานของพนักงาน เพื่อดูความปลอดภัยได้ตลอดเวลาคือสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ
  • ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อเช็คสุขภาพของพนักงาน – การติดตั้งอุปกรณ์พิเศษที่มีการออกแบบเฉพาะ เพื่อเช็คสุขภาพในเรื่องของอัตราการเต้นของหัวใจ แคลอรี่ที่เผาผลาญ จำนวนที่ก้าวเดิน ความดัน ระดับออกซิเจน ระดับเหงื่อ สัญญาชีพ และ ปริมาณแอลกอฮอล์สิ่งเหล่านี้จะสามารถดูแลสุขภาพเพิ่ม ความปลอดภัยในโรงงาน ให้กับขณะที่พนักงานปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดี

(3) รวบรวมข้อมูลการทำงานของพนักงานเพื่อพัฒนาสุขภาพและความปลอดภัย

การรวบรวมข้อมูลการทำงานของพนักงานแต่ละคนจะสามารถพัฒนาสุขภาพและความปลอดภัยได้ดียิ่งขึ้น โดยข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาวิเคราะห์ได้หลายด้านทั้งในแง่ของความปลอดในการทำงาน หรือการคาดการณ์เหตุการณ์อันตรายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ซึ่งถือว่าเป็นการหาแนวทางป้องกันก่อนที่จะเกิดขึ้นจริง เพื่อลดการเสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ หรือการเกิดโรคในระยะยาวได้

(4) การปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมช่วยในการทำงาน

การปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมก็นับเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะทำให้ระบบการทำงานของพนักงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเน้นพัฒนาในด้านความปลอดภัยเป็นหลัก ก็ยิ่งจะสร้างความปลอดภัยในโรงงานให้ดียิ่งขึ้น โดยสิ่งเหล่านี้สามารถพัฒนาได้จากเครื่องในโรงงานอุตสาหกรรมปรับการใช้งานที่ง่ายขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น หรือการพัฒนาแอพลิเคชั่นที่เพิ่มความสะดวกในการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

ความปลอดภัยในโรงงาน
Image by fxquadro on Freepik

(5) การเลือกใช้หุ่นยนต์หรือพาหนะในงานอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ

การเลือกใช้หุ่นยนต์หรือปัญญาประดิษฐ์ รวมทั้งพาหนะต่างๆ ที่เน้นในรูปแบบเป็นมิตรกับพนักงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คือสิ่งที่หลายๆ โรงงานอุตสาหกรรมต่างก็พากันใส่ใจมากยิ่งขึ้น เพื่อลดอุบัติเหตุในการทำงาน ในขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่มสุขภาพที่ดีให้กับพนักงานได้ ส่วนใหญ่ที่มักจะพบได้แก่

  • การเลือกใช้รถที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ EV – การเลือกใช้รถที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ EV ถ้าหากนึกง่ายๆ ก็คือรถที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นมิตรกับพนักงานและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก เพราะระหว่างการใช้งานจะไม่สร้างสิ่งที่เป็นมลพิษทางอาการได้นั่นเอง
  • การเลือกใช้รถหรืออุปกรณ์ต่างๆด้วยระบบ AV – สำหรับระบบ AV คือระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่สามารถเห็นได้มากยิ่งขึ้นในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างเช่น  หุ่นยนต์จัดส่งสินค้า , หุ่นยนต์ช่วยงานโรงงาน เป็นต้น
  • การเลือกใช้รถยนต์ไร้คนขับ – นับว่าเป็นนวัตกรรมที่กำลังมีขึ้นในอนาคตเพื่อลดอุบัติเหตุขณะจัดการส่งสินค้าจากต้นทางไปยังปลายทาง สามารถหลีกเลี่ยงยานพาหนะ คน และสิ่งกรีดขวางอื่น ๆ ได้ สามารถใช้ได้กับทุกสภาพแวดล้อม รวมทั้งคาดการณ์เหตุการ์ที่เป็นอันตราย

สุขภาพและ ความปลอดภัยในโรงงาน เกิดจากผู้เชี่ยวชาญ

ในการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยในโรงงาน สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือการเลือกเฟ้นผู้เชี่ยวชาญมาช่วยจัดการระบบผ่านการคิด วิเคราะห์ สรุปผล และหาแนวทางป้องกันในเรื่องของสุขภาพ รวมทั้งความปลอดภัยขณะการทำงานเพื่อลดความเสี่ยงขณะทำงาน ในเวลาเดียวกันเจ้าขององค์กรเองก็ควรจะให้ความสำคัญและเป็นแบบอย่างในการพัฒนาสุขภาพและความปลอดภัยของทุกคนในองค์กรให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

Cover Image : Image by senivpetro on Freepik

5 Checklist เช็คให้ชัวร์.. ก่อนขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้วย “หุ่นยนต์ AI”

หุ่นยนต์ AI

ปัจจุบันเริ่มมีการนำ หุ่นยนต์ AI มาใช้ในหลายธุรกิจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร โรงพยาบาล และอีกมากมาย นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป แต่กลุ่มธุรกิจที่นำ AI มาใช้ประโยชน์เป็นอันดับต้น ๆ อย่างแพร่หลาย คงหนีไม่พ้นโรงงานอุตสาหกรรม โรงกลึงโดยเฉพาะสายงานการผลิตที่แทบจะพลิกวงการกันเลยทีเดียว แต่ก็ยังมีหลายอุตสาหกรรมยังไม่มั่นใจถึงความคุ้มค่า ความน่าเชื่อถือ หรือด้วยกำลังทรัพย์ต่าง ๆ ที่จะเดินหน้าจัดซื้อ หุ่นยนต์ AI มาใช้ประกอบกิจการดีหรือไม่ ในบทความนี้จึงจะขอพาทุก ๆ คนมาตรวจสอบความพร้อมว่าควรมี AI หรือไม่ และทิ้งท้ายมุมมองเกี่ยวกับ AI ในอนาคต

หุ่นยนต์ AI
Image by usertrmk on Freepik

Checklist เตรียมความพร้อมกับอุตสาหกรรมที่มี หุ่นยนต์ AI

ถ้าหากคุณมีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่การที่จะมีหุ่นยนต์ AI เข้ามาร่วมในการดำเนินการตามภาคส่วนต่างๆ สิ่งแรกๆ ที่ควรเช็กนั่นก็คือการเตรียมความพร้อมต่างๆ ในการที่จะนำ AI มาเข้าร่วม โดยสามารถอิงจากขั้นตอนการดำเนินงาน เป้าหมายธุรกิจ รวมไปถึงสภาพการเงินต่างๆ อีกด้วย และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลามาเช็คลิสต์ กับ 5 ข้อ ในการเตรียมธุรกิจให้พร้อมก่อนปรับใช้หุ่นยนต์ AI ในอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับการทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม

CHECK 1st – กลยุทธ์

การพิจารณาจากกลยุทธ์นับเป็นสิ่งแรกที่คุณต้องคิดว่าเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในอุตสาหกรรมของคุณหรือไม่ โดยกลยุทธ์ที่ว่านี้จะต้องมีเป้าหมายของธุรกิจเสียก่อน ว่าจุดมุ่งหมายในระยะทางไกลนั้นเป็นอย่างไร และถ้าหากนำหุ่นยนต์ AI จะสามารถพัฒนาธุรกิจเติบโตได้แค่ไหน โดยสามารถประเมินผ่าน KPI ได้ ซึ่งในจุดนี้ก็ต้องสัมพันธ์กับค่าลงทุนที่จะมาทดแทนการจ้างคน และยังคำนวณว่าสามารถทำ AI ได้มากกว่าคนหรือไม่

CHECK 2nd – คน

แน่นอนว่าการเข้ามาของหุ่นยนต์ AI บุคคลหลายส่วนอาจมีความคิดต่อต้านว่ามาแย่งแรงงานคนหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วคนกับ AI สามารถทำงานร่วมกันได้เพียงแค่ต้องเปิดใจ ในเบื้องต้นไม่มีทางที่อุตสาหกรรมที่จะสามารถคิด AI ที่เหมาะกับธุรกิจของตัวเองได้ การได้คำแนะนำจากพนักงาน การเรียนรู้ระบบปฏิบัติการ หรือการทำงานเพื่อมาปรับให้ AI เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมจึงเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ละถ้าหากบุคคลเหล่านั้นคอยคุมการทำงานของ AI ก็นับเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว

CHECK 3rd – ข้อมูล

ก่อนการสร้างหุ่นยนต์ AI สำหรับอุตสาหกรรม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะรวบรวมข้อมูลทุกอย่างในทุกๆ มิติ เพื่อที่จะพัฒนา AI ที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรมทุกรูปแบบ แต่ถึงอย่างนั้นหากได้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของคุณแล้ว การจะหาแนวทางที่ดีที่สุดอาจต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการประดิษฐ์ปัญญาประดิษฐ์ควบคู่กับธุรกิจของคุณจะเป็นการดีที่สุด เพื่อที่จะเรียนรู้ ฝึกอบรมในการใช้งาน รวมไปถึงการผลิตภาคส่วนต่างๆ

CHECK 4th – โครงสร้างพื้นฐาน

ในส่วนนี้จะหมายถึงการทำงานของ AI ทั้งหมด เพื่อที่จะสามารถรันงานทั้งหมดได้ โดยสามารถนำฮาร์ตแวร์หรือซอร์ฟแวร์ รวมทั้งระบบปฏิบัติการต่างๆ มาเตรียมความพร้อมอย่างเสร็จสรรพ และออกแบบ AI ที่มีประสิทธิภาพ แน่นอนว่าเรื่องแรกมีความปลอดภัยขณะการใช้ สามารถทำการผลิตสินค้าและสามารถส่งออกได้อย่างรวดเร็ว สามารถปรับการทำงานหรือขนาดของ หุ่นยนต์ AI ที่เหมาะกับอุตสาหกรรมเหล่านั้นได้ โดยทั้งหมดนี้คนสามารถควบคุมผ่านแอพพลิเคชั่นได้นั่นเอง

CHECK 5th – จริยธรรม

การทำงานของหุ่นยนต์ AI จำเป็นจะต้องคำนึงถึงจริยธรรมในด้านต่างๆ ในทิศทางที่เป็นประโยชน์ของมนุษย์ สิ่งแรกคือช่วยอำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์ สิ่งที่สองคือต้องมีความปลอดภัยขณะการใช้งาน สิ่งที่สามคือไม่มีการส่งผลเสียทางอ้อมในการใช้ AI และส่งผลกระทบต่อมนุษย์หรือสภาพแวดล้อมโดยรอบ หลักๆ แล้วการออกแบบควรคำนึงถึงจริยธรรม และการทำงานของ AI ให้มีความปลอดภัยอยู่เสมอ และลดความเสี่ยงหาก AI เกิดทำงานผิดพลาดและส่งผลกระทบต่างๆ ได้นั่นเอง

หุ่นยนต์ AI จะเปลี่ยนโลกเป็นอย่างไร

สำหรับปัญญาประดิษฐ์หรือหุ่นยนต์ AI เป็นสิ่งที่ทั่วโลกจับตามองว่าจะสามารถขยายผลไปได้ถึงไหน แน่นอนว่าถ้าโรงงานอุตสาหกรรมทั้งหลายต่างหันมาใช้ AI ในการดำเนินการต่างๆ ทั้งสายงานการผลิต การเช็กสตอคสินค้า การจัดเรียงส่งสินค้า หรือแม้จะรันกระบวนการตั้งแต่เริ่มจนจบดูเป็นอะไรที่ไม่ไกลตัวหนัก ยกตัวอย่างเช่น

  • หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMRS) ทำการลำเลียงสินค้าจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งอย่างแม่นยำ
  • หุ่นยนต์ช่วยงานคลัง (Warehouse Robotics) ทำหน้าที่ในการหยิบจัด แพคของ หรือการทำงานซ้ำๆ ที่ทดแทนแรงงานมนุษย์
  • การใช้ระบบ Iot จะเป็นการตรวจเช็กสินค้าตั้งแต่ต้นจนจบ ที่จะสามารถบอกตำแหน่ง จำนวนสินค้าที่เหลือ การลำเลียงสินค้า และการส่งออกสินค้าโดยไม่จำเป็นต้องใช้คนในการเช็กแต่อย่างใด
  • การใช้ VR และ AR หรือการจำลองโลกเสมือนเพื่อทำการซ่อมแซมบำรุงอุปกรณ์ทางด้านอุตสาหกรรม เพื่อที่ว่าจะแก้ไขทันด่วน โดยมีคำแนะนำผ่านโลกเสมือนจริง

สำหรับที่ได้กล่าวไปข้างต้นเป็น AI ที่สามารถใช้ได้จริง และสามารถทำได้จริงเมื่ออิงจากหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยเองในหลายๆ อุตสาหกรรมเริ่มเอาสิ่งเหล่านี้มาช่วยในกิจการได้มากยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากการจะพัฒนา AI เฉพาะทางสำหรับไลน์การผลิตอาจจะยังพบเห็นได้น้อย เพราะต้องคำนึงถึงการออกแบบ การผลิต และความปลอดภัยของการใช้ AI ด้วยนั่นเอง

Key Takeaways

สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมโดยเฉพาะสายงานผลิต เริ่มมีหุ่นยนต์ AI เข้ามาช่วยเหลือในการผลิตต่าง ๆ ที่ต้องบอกว่ามีความแม่นยำ สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี และสามารถทำงานได้ต่อเนื่องแม้ไม่ได้หยุดพัก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งที่จะสามารถประหยัดต้นทุนที่ใช้แรงงานคนได้ แต่อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบัน อาจมีการใช้ AI มากยิ่งขึ้น และลดแรงงานคนน้อยลง แต่ท้ายที่สุดแล้วคนก็ยังสำคัญ เพื่อที่จะตรวจสอบการทำงานของ AI อย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยอยู่ดี

Credit : https://www.aspentech.com/en/resources/blog/are-you-ready-for-industrial-ai-our-checklist-has-the-answer?fbclid=IwAR3x9RlerKOjq5L4duzZAStSiayGChnKLj2CXIOSe1wullI25Y9TrZ0g22Q

Cover Image : Image by Lifestylememory on Freepik

แก้ “ปัญหาโลกร้อน” กำจัดขยะอุตสาหกรรมให้ถูกวิธี !

ปัญหาโลกร้อน

ปัจจุบันสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อโลกอย่างเห็นได้ชัดที่สุดก็คือขยะอุตสาหกรรมที่มีการกำจัดขยะไม่ถูกวิธี แน่นอนว่าเรื่องนี้จะส่งผลต่อสภาพแวดล้อมรอบข้างและชุมชนที่อาศัยอยู่ใกล้กับทางโรงงาน เป็นต้นตอสำคัญของไป ปัญหาโลกร้อน อย่างแท้จริง ซึ่งสิ่งที่ส่งผลเสียอย่างเห็นได้ชัด คือไม่ว่าจะเป็นมลภาวะทางอากาศ การเทของเสียลงแม่น้ำ การปล่อยก๊าซพิษ การกำจัดของเสียอันตรายผิดวิธี และอื่นๆ อีกมากมาย

เราทุกคนสัมผัสได้แน่นอนว่าในทุกวันนี้ร้อนเหลือเกิน แน่นอนว่ามันคือผลกระทบโดยตรงจากปัญหาโลกร้อนและภาวะเรือนกระจก ซึ่งในมุมของโรงกลึง โรงงานอุตสาหกรรม ส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องโดยตรงก็หนีไม่พ้นเรื่องการปล่อยของเสีย และการกำจัดขยะอุตสาหกรรมผิดวิธี.. โรงกลึงพีวัฒน์ขออินกับกระแส Sustainability อาสาบอกเล่าให้ฟังว่าขยะอุตสาหกรรมส่งผลต่อโลกร้อนอย่างไร และมีวิธีแก้ไขอย่างไร สามารถตามอ่านไปด้วยกันได้แลย

ขยะอุตสาหกรรม ต้นตอของ ปัญหาโลกร้อน

สำหรับคำว่าขยะอุตสาหกรรมคือของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิต ของที่เสื่อมสภาพ ของที่หมดอายุ สารเคมีและสารปนเปื้อน  และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างขยะมหาศาลและยังเป็นอันตรายอีกด้วย สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ ขยะอันตรายและขยะไม่อันตรายโดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ขยะอันตราย : สารไวไฟและน้ำมันชนิดต่างๆ , สารกัดกร่อน , สารที่เกิดปฏิกิริยาง่าย , ของที่ปนเปื้อนสารพิษ
  • ขยะไม่อันตราย :  กากผลไม้ , เศษผ้า , เศษเหล็ก , เศษกระดาษ

กากอุตสาหกรรมเหล่านี้หากกำจัดแบบผิดวิธีก็จะสามารถส่งผลต่อสภาวะโลกร้อนได้ หรือที่เรารู้จักในชื่อว่า “ก๊าซเรือนกระจก” ที่เกิดจากการนำขยะฝังกลบ การเผาขยะแบบเปิด การบำบัดเชิงชีวภาพ การบำบัดน้ำเสีย ซึ่งจะมีการปล่อยก๊าซมีเทน , ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ ก๊าซไนตรัสออกไซด์ที่จะทำให้โลกร้อนขึ้นในทุกปีๆ ซึ่งสามารถสังเกตจากประเทศไทยได้ว่าอุณหภูมิความร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ

วิธีการกำจัดขยะอุตสาหกรรมถูกต้องตามกฎหมาย

ในส่วนเนื้อหาที่ว่าด้วยเรื่องวิธีการกำจัดขยะอุตสาหกรรมก่อนที่จะรู้ว่ามีวิธีไหนบ้าง จำเป็นที่จะต้องรู้ถึงประโยชน์ของการลดขยะเสียก่อน โดยประโยชน์ก็จะมีในเรื่องของการประหยัดค่าใช้จ่ายในการกำจัดของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม พัฒนาโรงงานเพื่อลดความผิดพลาดในการผลิตสินค้า สามารถสร้างสิ่งแวดล้อมบริเวณรอบด้านและเป็นมิตรกับชุมชนที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ นอกจากนี้ยังเปลี่ยนของเสียให้กลายเป็นมูลค่าได้อีกด้วย โดยวิธีการกำจัดกากขยะที่โรงงานส่วนใหญ่ใช้เป็นมาตรฐานก็คือหลัก 3R ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ปัญหาโลกร้อน
Image by Freepik

1. Reduce ลดใช้สินค้าหรือวัตถุดิบในการผลิตลง

สำหรับ Reduce นับว่าเป็นวิธีป้องกันก่อนเกิดเหตุขยะอุตสาหกรรมโดยสามารถเริ่มจากการใส่ใจกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนแล้วลองไล่เช็คเครื่องโรงงานว่ามีการทำงานที่มีประสิทธิภาพอยู่หรือไม่ เพราะถ้าหากมีการผลิตผิดพลาดบ่อย ๆ ก็จะกลายเป็นว่าเพิ่มขยะได้โดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ลดการใช้สินค้าหรือวัตถุดิบในการผลิตให้น้อยลงก็นับเป็นวิธีที่น่าสนใจไม่น้อย หรือหากพบว่าบางจุดที่ไม่จำเป็นอย่างเช่นแพคเกจจิ้งที่มีความซ้ำซ้อนก็จะสามารถลดลงขยะได้ด้วยเช่นกัน

2. Reuse การนำขยะกลับมาใช้ซ้ำ

โรงงานที่เป็นอุตสาหกรรมฝ่ายภายผลิต แน่นอนว่าจะมีกากอุตสาหกรรมมากมายหลายอย่าง ที่มีทางเลือกที่ว่านำไปกำจัดอย่างถูกวิธี แต่ถ้าหากขยะเหล่านั้นนำกลับมาใช้ซ้ำได้ก็นับว่าเป็นอะไรที่ดีมาก ๆ และเป็นคีย์หลักในการแก้ ปัญหาโลกร้อน ยกตัวอย่างเช่น 

  • การนำพลาสติกมาละลายเพื่อนำกลับมาใช้ซ้ำ 
  • การส่งคืนถังบรรจุสารต่างๆของลูกค้า กลับมาที่โรงงานเพื่อนำมาใช้งานต่อ 
  • ภายในโรงงานหากมีจุดที่เสียหากซ่อมแซมได้ก็ให้ซ่อมแซม ดีกว่าการซื้อของใหม่อย่างแน่นอน
ปัญหาโลกร้อน
Image by rawpixel.com on Freepik

3. Recycle การนำขยะไปแปรรูปให้เป็นประโยชน์

ในส่วนของ Recycle จะเป็นการนำขยะอุตสาหกรรมไปแปรรูปต่าง ๆ ให้กลับมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่นได้ หรือก็คือการเปลี่ยนขยะเสียอย่างหนึ่ง เพื่อเป็นของใหม่หรือไปเป็นส่วนผลิตด้านอื่นๆ  ยกตัวอย่างเช่น 

  • การนำของเสียหรือของที่ใช้แล้วที่มีค่าความร้อนไปใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทน (น้ำมันเครื่อง น้ำมันหล่อลื่น) 
  • การนำไปเป็นเชื้อเพลิงผสม (กระดาษ , ผ้าปนเปื้อน , สารตัวทำละลาย , กากตะกอน) 
  • การเผาเพื่อเอาพลังงาน (เส้นใยปาล์มนำไปทำเชื้อเพลิงในหมอไอน้ำ
  • การใช้เศษไม้และขี้เลื้อยไม่มีสารปนเปื้อนทำเป็นเชื้อเพลิงปรุงอาหาร)  
  • การนำน้ำมันเครื่องและน้ำมันหล่อลื่นใช้แล้วส่งไปยังโรงงานผลิตสีทาบ้าน
  • การส่งยางรถยนต์ที่เสียแล้วให้กับทางโรงงานน้ำมันดีเซล
  • การนำของเสียหรือวัตถุดิบที่เสียหาย ไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น ๆ 

สำหรับ 3R ที่ได้แนะนำไปข้างต้นนับว่าเป็นวิธีการกำจัดขยะอุตสาหกรรมที่เข้าใจง่ายและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง แต่ทั้งนี้การกำจัดขยะในรูปแบบอื่นก็มีมากมาย เช่น การนำไปถมที่กรณีที่ไม่ใช่ขยะอันตราย การหมักทำปุ๋ย การนำเศษอาหารไปเป็นอาหารสัตว์ การนำของเสียโลหะไปสกัดเพื่อนำโลหะกลับมาใช้ใหม่ และอื่นๆ อีกมากมายที่นับว่าเป็นวิธีปลอดภัยและมีประโยชน์เป็นอย่างมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสามารถลดปัญหาโลกร้อนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

แก้ปัญหาโลกร้อน แก้ปัญหาขยะอุตสาหกรรม เพื่อโลกอนาคต

ตามหลักกฎหมายแล้วโรงงานที่มีขยะเสียหรือขยะอุตสาหกรรมจำเป็นจะต้องส่งไปให้โรงงานรับกำจัดขยะที่ได้รับใบอนุญาตและมาตรฐานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เพื่อที่ว่าสามารถกำจัดขยะได้ถูกวิธีและไม่ส่งผลต่อโลกใบนี้ โดยต้องเริ่มใส่ใจตั้งแต่โรงงานผู้ก่อกำเนิดขยะ ผู้ขนส่งขยะ และโรงงานรับบำบัดหรือกำจัด หากทั้ง 3 ในที่นี้สามารถแก้ไขได้ถูกวิธีและทำตามกฎหมายที่ได้มีการกำหนดไว้ แน่นอนว่าสภาพแวดล้อม สิ่งมีชีวิต รวมไปถึงภาวะโลกร้อนจะดีขึ้นได้นั่นเอง

Credit Cover Image : Image by Freepik

CNC x งานดีไซน์ “อะไหล่แต่งมอเตอร์ไซค์” ที่บางชิ้น.. ราคาเกือบเท่ารถ!

อะไหล่แต่งมอเตอร์ไซค์

จริง ๆ เรื่องเกี่ยวกับ อะไหล่แต่งมอเตอร์ไซค์ หรือ อะไหล่แต่งรถยนต์ เป็นเรื่องที่เรานั้นอยากจะพูดถึงมานานแล้วเหมือนกัน และหลังจากพูดถึงแต่สาระเน้น ๆ ของอุตสาหกรรมโรงกลึงกันมาตลอด วันนี้ขอพาทุกคนมาพักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะผู้ที่หลงใหลได้ปลื้มกับความคลาสสิค แต่ก็อยากใช้ชีวิตแบบโมเดิร์น รวมถึงใครก็ตามที่ชอบงานศิลปะ งานอาร์ต เพราะเนื่องจากแบรนด์ “อะไหล่แต่งมอเตอร์ไซค์” ตระกูลสกู๊ตเตอร์สุดเก๋าอย่าง “New Vespa” ที่เราอยากจะพาไปรู้จักนี้ มีความยูนีค เรียกได้ว่ายิ่งเสริมแบรนด์ของรถที่ปกตินั้นก็มีเอกลักษ์อยู่แล้วให้ยิ่งโดดเด่นขึ้นไปอีกด้วยดีไซน์สุดฉมัง!

ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก เฟซบุค Maru’s Factory เข้าไปเลือกดูอะไหล่ ของแต่งสวย ๆ ได้ (เราไม่ได้ค่าสปอนเซอร์แต่อย่างใด)

อะไหล่แต่งมอเตอร์ไซค์

CNC Machining x งานดีไซน์ ตลาดที่ลูกค้าพร้อมสู้ราคา?

แต่อย่างที่รู้กัน อะไหล่แต่งมอเตอร์ไซค์ นั้นจะได้รับความนิยมได้ นอกจากความสวยงาม ดีไซน์ที่ลงตัวแล้ว เรื่องของความแข็งแรง ความเนี้ยบ ความละเอียดของงานนั้นก็ต้องมาควบคู่กัน ซึ่งต้องบอกเลยว่าจุดแข็งของแบรนด์ “Maru’s Factory” ที่เราจะเอ่ยถึง ไม่ได้มีแค่เรื่องของการตลาดเพียงอย่างเดียว เนื่องจากในไลน์การผลิตพวกเขาก็ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงของ CNC Machining ในการผลิตชิ้นงาน ใช้วัสดุคุณภาพสูง ได้มาตรฐานสากล ทำให้ได้รับการยอมรับของตลาดโลก ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับแบรนด์จากไต้หวัน

โดยของแต่ง นิว เวสป้า แบรนด์ มารุส์ แฟคทอรี่ มีหลายอย่างให้เลือกสรรค์ พาร์ทแต่ละอย่างนั้นต่อให้มีราคาที่สูงกว่าแบรนด์อื่นที่เป็นงาน CNC เหมือนกัน แต่ด้วยงานดีไซน์ที่โดนเส้นของชาวนิว เวสป้า ทำให้ขายดิบขายดีจนเกิดเป็นคำแซวกันในกลุ่มว่า “เวสป้าหนึ่งคันต้องมีของแต่งมารุส์หนึ่งชิ้น” และคำกล่าวนี้ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด

อะไหล่แต่งมอเตอร์ไซค์

Maru’s Factory ของแต่ง “New Vespa” ที่เป็นมากกว่าอะไหล่

สำหรับคนที่อยู่ในแวดวง New Vespa ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของเอง หรือติดตามเสพย์เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนหามาครอบครองสักคัน เชื่อว่าต้องรู้จักแบรนด์ที่ชื่อว่า “Maru’s” แน่นอน ด้วยความที่เป็นของแต่งดีไซน์สุดจี๊ดจากประเทศไต้หวัน ซึ่งตัวเจ้าของแบรนด์เองนั้นจริง ๆ แล้วเป็นดีไซเนอร์ผู้สร้างงานศิลปะ ทำให้อุปกรณ์แต่งรถแต่ละอย่างของแบรนด์มีสไตล์ที่ฉีกไปจากแบรนด์อื่น ๆ โดยเฉพาะ “ล้อ” ไอเทมที่ถือว่าเป็นของแรร์ในตลาดรถ นิว เวสป้า 

แถมด้วยเรื่องของการตลาดที่ทางแบรนด์นั้นวางทิศทางไว้ ยิ่งทำให้สินค้าแต่ละชิ้นนั้นยิ่งสร้างความต้องการให้กับลูกค้า เพิ่มความแรร์ของสินค้าแต่ละล็อตด้วยการจำกัดจำนวน แต่การที่จะทำแบบนี้ได้นั้นสินค้าของพวกเขาก็ต้องเจ๋งจริง ไม่ว่าจะเป็นแง่ความสวยงาม การใช้งาน และการผลิตที่ได้มาตรฐาน

ในวงการนี้ การที่จะได้ครอบครองล้อมารุส์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะแต่ละโมเดลที่ทำมามีขายแบบจำกัด ยิ่งหากเป็นโมเดล “ลิมิเต็ด” ยิ่งทวีคูณเรื่องความแรร์ ยกตัวอย่างโมเดลสุดฮอต ล้อ 5 รู Maru’s Factory รุ่น “ลายเซ้นต์” W125B หากทางโรงงานใหญ่ผลิตโมเดลลิมิเต็ดมาขึ้นมา 100 ชุด สาขาที่ประเทศไทยจะได้รับอยู่ที่ 10 ชุด เท่านั้น การซื้อการจัดจำหน่าย ถ้าไม่ได้มีการจับจองเอาไว้ล่วงหน้าก็ต้องรอตลาดมือสองอย่างเดียว ซึ่งบอกเลยว่าราคาไม่มีตก แถมยังโดดขึ้นไปได้อีก ยกระดับจากของแต่งรถ กลายเป็นของสะสมของกลุ่มคนรักของแต่ง นิว เวสป้า เรียกว่าถ้าถูกอกถูกใจหลายไหน แค่มีเงินอย่างเดียวก็ซื้อไม่ได้สำหรับแบรนด์นี้

ลองมาดู อะไหล่แต่งมอเตอร์ไซค์ งาน CNC แบรนด์ Maru’s สำหรับ New Vespa มีอะไรบ้าง

อะไหล่แต่งมอเตอร์ไซค์

นอกจากล้อที่ฮิตสุด ๆ แล้ว ของแต่งของแบรนด์มารุส์ที่เป็นงาน CNC ระดับพรีเมียม ยังมีให้เลือกหลากหลาย และเกือบทุกอย่างก็ได้รับความนิยม ดังนี้

  • มือเบรค (ก้านเบรค)
  • ครอบอาร์ม
  • ครอบแครงค์
  • ตัวโหลดโช้ค
  • ดุมล้อหน้า
  • ตุ้มปลายแฮนด์
  • ก้านวัดน้ำมันเครื่อง
  • ฝาถังน้ำมัน

ในตลาดมือสองของกลุ่ม นิว เวสป้า อะไรก็ตามที่เป็นของแบรนด์นั้นซื้อง่ายขายคล่องแบบสุด ๆ แถมราคาก็ตกน้อยมากหากเทียบกับแบรนด์อื่น ยิ่งเป็นล้อลายสวย ๆ ที่คนตามหากัน ราคาเปิดตัวมา 4-5 หมื่น มือสองขายกัน 6 หมื่น ก็ยังมีให้กันเลยกับแบรนด์นี้!

ดีไซน์โดดเด่น คุณภาพได้มาตรฐาน อาจเป็นโอกาสของแบรนด์หน้าใหม่?

จากการที่แบรนด์ มารุส์ แฟคทอรี่ นั้นประสบความสำเร็จในตลาดของ “นิว เวสป้า” ทั้ง ๆ ที่ก่อนเข้าลุยตลาดนี้มีทั้ง Zelioni และ S.I.P นั้นเป็นขาใหญ่แห่งวงการจับจองพื้นที่อยู่แล้ว แต่แบรนด์ มารุส์ นั้นเพิ่งจะฉลองครบรอบ 10 ปี ใน ค.ศ ปัจจุบันนี้ แถมยังเป็นแบรนด์เอเชียอีกต่างหาก ยังสามารถเข้าแทรกซึมส่วนแบ่งการตลาดของกลุ่มนี้ได้ โดยยึดสองจุดแข็งที่กล่าวเอาไว้ตั้งแต่ช่วงต้น นั่นก็คือเรื่องของ “ดีไซน์และคุณภาพของงาน” พูดได้เลยว่าถ้าของมันดีจริง ถึงจริง งานออกแบบสวยสะดุดตาจริง ๆ หากอยู่ในตลาดของ นิว เวสป้า ยังไงก็ได้ลุ้น

อะไหล่แต่งมอเตอร์ไซค์

สำหรับใครที่อยากจะลองสร้างแบรนด์ อยากรังสรรค์ของแต่งมอเตอร์ไซค์ด้วยงาน CNC ผ่านเทคโนโลยีระดับสูงซึ่งทาง พี-วัฒน์ ก็มีให้บริการ พร้อมให้คำปรึกษาโดยช่างชำนาญการ ไม่ว่าจะเริ่มต้นด้วยจำนวนเท่าไหร่ ดีไซน์แบบไหน ของเรานั้นไม่มีจำกัดจำนวนขั้นต่ำ ลองสอบถามกันเข้ามาเพื่อขอใบเสนอราคากันได้ตลอดเวลาทำการ ไม่แน่ว่า… บางทีความชอบของคุณอาจะเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่จะเข้ามาเขย่าวงการแบบ Maru’s Factory ก็ได้นะ! 

Sustainability : กลยุทธ์ “การรักษาสิ่งแวดล้อม” สู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจ?

การรักษาสิ่งแวดล้อม

เทรนด์โลกที่เกี่ยวข้องกับการตระหนักถึงเรื่อง “การรักษาสิ่งแวดล้อม” กำลังเป็นที่พูดถึงกันอย่างมาก และมักจะได้ยินบริษัทชั้นนำปล่อยแคมเปญมากมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของ Sustainability หรือที่พากย์ไทยได้ว่า “ความยั่งยืน” โดยที่เราจะมาแชร์วันนี้เป็นเนื้อหาที่มาจาก Forbes สื่อการเงินยักษ์ใหญ่ที่พูดถึงเรื่องนี้ในหลายแง่มุมเอาไว้อย่างน่าสนใจ และน่าจะช่วยยกระดับของอุตสาหกรรมหรือธุรกิจของคุณได้ในระยะยาว

สำหรับผู้นำทางธุรกิจหลาย ๆ คน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไม่ใช่ประเด็นหลัก รวมถึงเรื่องของความยั่งยืนอาจเป็นหัวข้อที่ซับซ้อนและน่ากลัว แต่จริง ๆ นั้นยังมีหลายขั้นตอนที่ปฏิบัติได้จริง แล้วก็ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด บริษัทต่าง ๆ โรงงาน โรงกลึงทั่วไปสามารถดำเนินการเพื่อจัดการกับความยั่งยืนไปพร้อมกับความก้าวหน้า ซึ่งเป็นย่างก้าวที่น่าสนใจและอาจเป็นเหตุผลที่จะผลักดันให้หลาย ๆ ธุรกิจก้าวไปข้างหน้าได้มั่นคงกว่าเดิม

การรักษาสิ่งแวดล้อม
Image by Freepik

เปลี่ยนคำคาดการณ์ Sustainability ให้เป็นโครงการที่ทำได้จริง

ที่ผ่านมาบริษัทในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้รับมอบหมายจากนักลงทุนและรัฐบาลให้คำนวณผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีเหตุผลที่จะสันนิษฐานว่า “ความยั่งยืน” กำลังกลายเป็นประเด็นหลักในการพิจารณาสำหรับผู้บริโภคตลอดจนธุรกิจอื่น ๆ เมื่อพวกเขาเลือกผลิตภัณฑ์และคู่ค้า

จากการศึกษาของ CapGemini ความชอบของผู้บริโภคสำหรับผลิตภัณฑ์และแบรนด์ที่ยั่งยืนนั้นแข็งแกร่ง ผู้บริโภคส่วนใหญ่กว่า 64% กล่าวว่าการซื้อผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุข มี 79% กำลังเปลี่ยนความต้องการซื้อโดยคำนึกถึงผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยผู้บริโภค 8 ใน 10 กำลังตัดสินใจเลือกซื้อโดยคำนึงถึงความยั่งยืน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดนี้นั้นตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

จากตัวเลขสู่จุดเริ่มต้นที่เป็นไปได้

เปอร์เซนต์ของข้อมูลดังกล่าว ได้เปลี่ยนถ้อยคำซ้ำซากจำเจที่ว่า “เราทุกคนมีพลังที่จะสร้างความแตกต่าง” ให้เป็นความพยายามร่วมกันของกลุ่มคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกที่ยั่งยืนมากขึ้น

สิ่งที่เห็นชัดคือบริษัทต่าง ๆ มีบทบาทร่วมกัน และจุดเริ่มต้นที่ดีเป็นการนำกรอบความคิดทั่วทั้งบริษัทมาใช้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาได้อย่างไร แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถเกิดผลได้หากมีการร่วมมือกันและทำมันอย่างสม่ำเสมอ มีข้อมูลล่าสุดว่าการดำเนินโครงการริเริ่มเกี่ยวกับความยั่งยืนทำให้บริษัทต่าง ๆ นั้นลดการปล่อยมลพิษตามข้อตกลงของ Paris Climate Accord ถึง 60%

3 กลยุทธ์ Sustainability “การรักษาสิ่งแวดล้อม” ผ่านกระบวนการอุตสาหกรรม

ข้อมูลที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงแค่น้ำจิ้มเท่านั้น หากคุณอยากดำเนินตามแนวทางที่จะช่วยให้ธุรกิจเข้าสู่ความยั่งยืนและเคร่งครัดต่อ การรักษาสิ่งแวดล้อม มากยิ่งขึ้น โครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรปรับปรุง พัฒนา และจากบรรทัดนี้ต่อไปเป็นกลยุทธ์ที่ Forbes มองว่าเป็นสิ่งเริ่มต้นที่จำเป็น

การรักษาสิ่งแวดล้อม
Image by frimufilms on Freepik

มุ่งมั่นสู่การทำงานจากระยะไกล (Remote Work)

นี่คือยุคสมัยแห่ง “Remote Work” แม้จะยังเป็นสิ่งที่ผู้นำทางธุรกิจไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ความต้องการจากพนักงานนั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่จำนวนงานทางไกลที่ลงโฆษณาในสหรัฐฯ ลดลงเหลือเพียง 14% ในเดือนกันยายน เทียบกับ 1 ใน 5 ของงานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 มีรายงานว่าผู้สมัครเพิ่มขึ้นจาก 50% เป็น 52% ในเดือนดังกล่าว เรียกว่าโอกาสการจ้างงานแบบ Remote Work ก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องหากยึดตามสถิติตัวเลขนี้

ต้องบอกว่าความต้องการของพนักงานเป็นตัวกระตุ้นที่แข็งแกร่งสำหรับธุรกิจในการพิจารณาการทำงานแบบรีโมทเวิร์ค โดยเฉพาะหากพูดถึงเรื่องความยั่งยืนของสังคมบนพื้นฐานสภาพแวดล้อม การทำงานลักษณะนี้ส่งผลดีต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของบริษัทด้วยการลดใช้พลังงานและของเสียให้เหลือน้อยที่สุด

การรักษาสิ่งแวดล้อม
Image by rawpixel.com on Freepik

ยิ่งตัวเลขของสถิติเร็ว ๆ นี้พบว่าการทำงานแบบรีโมทเวิร์คเป็นเวลาสี่วันต่อสัปดาห์สามารถลดการปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ได้ 10% รวมถึงการปล่อยก๊าซส่วนตัวต่อบุคคุลได้ถึง 80% นอกจากนี้ แบบจำลองสถานที่ทำงานเสมือนจริงยังสามารถปรับปรุงสภาพการจราจรท้องถิ่นโดยลดการเดินทาง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่งขึ้นเมื่อพิจารณาว่าการขนส่งเป้นแหล่งกำเนิดมลพิษคาร์บอนอันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา

ยกระดับความตั้งใจ ลดการเดินทางเพื่อธุรกิจ

การเดินทางทางอากาศคิดเป็น 2% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก การเดินทางเพื่อธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกบริษัทนั้นล้วนมีบทบาทในปัญหานี้

นับแค่ในปี 2019 แค่บริษัท Saleforce เพียงอย่างเดียวก็สร้าง CO2 มากถึง 146,000 เมตริกตัน แต่เมื่อมีกระแสเรื่องของการจัดการเกี่ยวกับ Sustainability ตัวเลขนี้ลดลงถึง 86% แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่สำคัญต่อแนวทางเรื่องการเดินทางเพื่อธุรกิจ เพียงแค่รอบคอบมากขึ้นก็สร้างประโยชน์เพิ่มได้แล้ว เป็นเรื่องที่ผู้นำของธุรกิจต้องแสดงถึงความตั้งใจและใช้กับเรื่องที่จำเป็นจริง ๆ

สร้างสถานะ “ดิจิทัล” ที่ยั่งยืน

แท็กของบุคคลที่สามบนเว็บไซต์ (Third-Party) นั้นให้ข้อมูลและบริการที่มีค่าสำหรับทั้งธุรกิจและลูกค้าของคุณ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เว็บไซต์ของคุณนั้นทำให้คอมพิวเตอร์ของพวกเขานั้นทำงานหนัก… ถึงเวลาที่ต้องปรับแล้ว!

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับอินเทอร์เนตที่เราใช้นั้นปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกถึง 3.7% การจัดการแท็กที่ซ้ำกัน การประเมินและจำกัดแอพพลิเคชั่นเธิร์ดปาร์ตี้ที่ไม่จำเป็นเพื่อลดภาระ รวมถึงการออกแบบหน้าเว็บไซต์ให้ยูสเซอร์ “ใช้งานง่าย” (User Friendly) วิธีการต่าง ๆ เหล่านี้สามารถยกระดับประสบการณ์ของผู้บริโภคได้อย่างมาก และยังเป็นการช่วยลดดิจิทัลฟุตปรินท์ของบริษัทคุณ โดยทาง Forbes แนะนำเครื่องมือฟรีอย่าง taginspector.com เป็นสเตปแรกหากคุณอยากเริ่มต้นศึกษาเรื่องนี้

นอกจากการเพิ่มประสิทธิภาพบนเว็บไซต์ บริษัทต่าง ๆ ยังสามารถปลี่ยนการใช้จ่ายค่าโฆษณาโดยการจัดลำดับความสำคัญเพื่อก้าวสู่กระบวนการนี้ได้ จากการศึกษาในปี 2018 พบว่าโฆษณาออนไลน์คิดเป็น 10% ของการใช้พลังงานอินเทอร์เนต หากต้องการเข้าสู่ยุคใหม่ ยุคที่ต้องใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม การมุ่งเน้นเพื่อลดดิจิทัลฟุตปรินท์เป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมในการสนับสนุนกระบวนการนี้

การรักษาสิ่งแวดล้อม
Image by fxquadro on Freepik

Key Takeaway

สุดท้ายแล้ว 3 คีย์หลักของแนวคิดจะสมบูรณ์แบบได้ต้องมีครบทุกอย่างทั้ง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สำหรับผู้นำธุรกิจ Sustainability อาจยังฟังดูน่ากลัว ดูน่าสับสน และอาจถูกมองว่านี่เป็นการหลุดจากเป้าหมายหลักของบริษัทในแง่ของผลกำไร แต่หากพูดถึงการจัดการเรื่องความยั่งยืนของธุรกิจอย่างชาญฉลาดก็ถือเป็นเทรนด์ที่กำลังมาและเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ ต่อธุรกิจในระยะยาว ซึ่งกลยุทธ์ที่ฟอร์บส์ได้นำมาบอกเล่าวันนี้ก็น่าจะช่วยยกระดับธุรกิจคุณสู่สิ่งนี้ได้ไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน

Cover Image : Image by Freepik

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : 

https://www.forbes.com/sites/forbesbusinesscouncil/2023/02/06/sustainability-how-leaders-in-any-industry-can-make-a-difference/?sh=776038a058ec

https://www.activesustainability.com/sustainable-development/what-is-sustainability/?_adin=01742703305

เจียรจานเบรก ทำไมถึงสำคัญ !? พร้อมแนะนำเทคนิคเจียรด้วยเครื่องกลึง

เชื่อว่าต่อให้ไม่ใช่คนที่มีรถยนต์หรือใช้รถยนต์เป็นประจำ ก็น่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องการ “เจียรจานเบรก” กันมาบ้าง ซึ่งเหตุการณ์ที่ผู้ใช้งานรถจะได้ประสบกับสถานการณ์นี้โดยตรง ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับการ “เปลี่ยนผ้าเบรก” พูดง่าย ๆ คือหากต้องมีการเปลี่ยนผ้าเบรกเมื่อไหร่ อาจจะต้องมีการเจียรร่วมด้วยบ้าง

และสำหรับคนทั่วไปที่อาจจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องงานช่างมากมายนัก ก็อาจจะไม่เข้าใจถึงจุดประสงค์ของการเจียรจานเบรกกัน อาจเลยเถิดถึงขั้นมองว่านี่อาจเป็นหนึ่งในช่องทางที่อู่รถยนต์ชาร์จเงินเพิ่มจากขั้นตอนนี้เสียอย่างนั้นเลย แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่ทำนี้มีเหตุผล แถมยังเป็นสิ่งที่ค่อนข้าง “สำคัญ” ส่วนสำคัญแค่ไหน มีวิธีการทำอย่างไร ติดตามได้ผ่านเนื้อหาด้านล่างนี้เลย 

รู้จักจานเบรกรถยนต์ (Rotor)

ขอเกริ่นเรื่อง “จานเบรกรถยนต์” ก่อนสักเล็กน้อย ให้คิดแบบเร็ว ๆ คาดว่าหลายคนน่าจะทราบดีว่านี่เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ของเบรกแน่ ๆ ซึ่งแท้จริงแล้วต้องบอกว่านี่เป็นหนึ่งชิ้นหลักที่เป็นส่วนสำคัญของ “ระบบดิสก์เบรก” ประกอบด้วย

  • ลูกสูบ (Piston)
  • คาลิปเปอร์ (Caliper)
  • ผ้าเบรก (Brake Pads)
  • สลักเบรก (Slide Pin)
  • จานเบรก (Rotor)
เจียรจานเบรก
Image by wuling.id

ทุกชิ้นนั้นต่างทำหน้าที่สอดรับกันตามกลไกลของระบบดิสก์เบรก โดยการทำงานของระบบนี้ คาลิปเปอร์ จะถูกแขวนอยู่เหนือตัว จานเบรก ในระหว่างการเบรก น้ำมันจะถ่ายเทแรงดันจากแป้นเบรกไปยังคาลิปเปอร์ จากนั้นจะหนีบผ้าเบรกเข้ากับจาน ส่วนหน้าที่ของจานคือรับแรงเสียดทานของผ้าเบรก ก่อนจะทำให้ยานยนต์นั้นค่อย ๆ ชะลอจนกระทั่งหยุดลง

เจียรจานเบรก คืออะไร ?

การเจียรจานเบรก คือ การปรับสภาพพื้นผิวของจานเบรกให้กลับมาเรียบเสมอกันหมดทั้งใบ เป็นการขจัดเศษเล็ก ๆ ของตัวจานออกโดยใช้เครื่องกลึง ซึ่งวิธีการนี้นอกจากจะช่วยกำจัดเศษชิ้นส่วนที่เกิดจากการกัดกร่อนแล้ว ยังทำให้คราบสกปรกที่เกิดจากชิ้นส่วนผ้าเบรกนั้นหายไปอีกด้วย

ส่วนปัญหาที่ทำให้เราต้องใช้วิธีการนี้ เป็นเพราะความไม่สม่ำเสมอของผิวบนจานเบรกนั้นอาจทำให้เกิดการสั่นสะเทือนยามใช้เบรก ด้วยเหตุนี้เอง การเจียรปรับสภาพพื้นผิวของจานให้มีความเรียบเนียนจึงมีความสำคัญ ก็เพื่อที่จะให้ผ้าเบรกสร้างแรงเสียดทานได้สูงสุด เป็นหนึ่งในกระบวนการที่ทำให้รถยนต์ของคุณใช้เบรกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

เจียรจานเบรก
Image by brakeexperts.com

วิธีการ เจียรจานเบรก มีกี่แบบ ?

กระบวนการ “เจียรจานเบรก” ปัจจุบันมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน ดังนี้

  1. เจียรแบบประชิดล้อ เป็นการเจียรแบบไม่ต้องถอดจานเบรกออกมา วิธีทำนั้นมีลักษณะตามชื่อเรียกเลย คือ นำเครื่องเจียรเข้ามาวางประชิดกับตัวจานเบรกรถยนต์โดยไม่ต้องถอดจานออกจากซุ้มล้อ มีความสะดวกรวดเร็ว และสามารถปรับความสมดุลของจานได้ที่ตัวของรถเลย
  2. เจียรแบบใช้เครื่องกลึง เป็นการถอดจานออกมาที่เครื่องกลึง เครื่องเจียร แท่นเจียร แล้วแต่ความถนัดตามเทคนิครวมถึงการเรียกของช่างแต่ละอู่ การทำด้วยวิธีนี้จะต้องถอดจานออกจากล้อมาเพื่อทำบนเครื่อง แม้จะไม่สะดวกเท่าแบบแรก แต่ข้อดีนั้นสามารถปรับมุมองศาของใบมีดเจียรได้อิสระกว่าการเจียรแบบประชิดล้อ

ข้อดีของการเจียรจานเบรก

ไม่ว่าจะเป็นการเจียรด้วยวิธีใดก็ตาม เทคนิคนี้นั้นมีราคาย่อมเยากว่าการเปลี่ยนจานเบรกใหม่พอสมควรแถมยังทำง่ายกว่า อายุการใช้งานของจานเบรกโดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่หลักหลายหมื่นโล หากไม่ได้เจออุบัติเหตุนอกเหนือจากการใช้งานปกติทั่วไป การเจียรจานเบรกราคากลางโดยประมาณอยู่ที่หลักร้อย แต่การเปลี่ยนจานเบรกเลยนั้นอยู่ที่หลักพันขึ้นไป

How to และ เทคนิคการเจียรจานเบรกโดยใช้เครื่องกลึง

วิธีการเทคนิคนั้นมีหลากหลายมาก นอกจากความสะดวกและเทคนิคของช่างแต่ละคน รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่มีในแต่ละอู่ แม้ว่าเครื่องเจียรแบบประชิดล้อจะเริ่มรับได้ความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน แต่การเจียรโดยใช้เครื่องกลึงนั้นก็ยังเป็นเทคนิคหลักที่หลายที่เลือกใช้ เนื่องจากมีความเที่ยงตรงสูง ทำได้รวดเร็ว และปริมาณที่มากกว่าในระยะเวลาที่เท่ากัน สามารถรองรับอู่รถยนต์ที่มีลูกค้าจำนวนมากได้ดี

จะรู้ได้อย่างไรว่าจานเบรกเริ่มมีปัญหา และเมื่อใดที่ควรเจียร ?

วิธีการสังเกตนั้นคุณอาจจะเริ่มรู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนที่พวงมาลัยหรือแป้นเบรกยามใช้งาน รวมถึงเสียงโลหะแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งสัญญานเตือนด้วยเช่นกัน ส่วนการสั่นสะเทือนของจานนั้นมักจะมาจากสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้

  • เศษผ้าเบรกเกาะบนจาน ทำให้ผิวจานเริ่มไม่เรียบ
  • มีการกัดกร่อนสะสมบนจานเบรกจนเกิดรอยบนพื้นผิวเยอะ
  • มีการส่ายไปมาของจานมากเกินไป ทำให้รถมีอาการโยก
  • จานเบรกเริ่มมีบางส่วนไม่สม่ำเสมอ
  • จานเบรกมีสนิมเกาะ (ในปริมาณที่ไม่มากเกินไป)

สำหรับระยะเวลาของการสึกหรอของจานเบรกขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ประเภทของผ้าเบรกที่เลือกใช้ สไตล์การขับขี่ น้ำหนักรถ ตลอดจนภูมิประเทศและสภาพแวดล้อม ทั้งหมดนี้มีส่วนที่จะทำให้จานเบรกนั้นค่อย ๆ เสื่อมประสิทธิภาพได้ทั้งหมด

เจียรจานเบรก
Image by normreevestoyotasandiego.com

โดยทั่วไปแล้วจานเบรกเดิมที่ติดมากับรถยนต์ส่วนใหญ่จะได้รับการออกแบบให้มีความหนาเพียงพอต่อการเปลี่ยนผ้าเบรกอย่างน้อย “สองครั้ง” แต่ปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะรุ่นใหม่ ๆ มักจะถูกดีไซน์ให้จานนั้นมีขนาดบางลงเพื่อลดน้ำหนักของตัวรถ ด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยนอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับรถปีใหม่ เนื่องจากไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องจานเบรกสึกก่อนที่ผ้าเบรกจะหมด

อย่างไรก็ตาม ต่อให้เป็นจานเบรกแบบรถยนต์ปีเก่า หรือรถยนต์ปีใหม่ที่เริ่มใช้จานเบรกขนาดบางลง จะเป็นแบบไหนก็สามารถใช้เทคนิคการเจียรเบรกด้วยเครื่องกลึง และการเจียรประชิดเพื่อยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ชิ้นนี้ออกไปได้เหมือนกัน เพราะการเปลี่ยนจานต่อครั้งมีค่าใช้จ่ายพอ ๆ กับการเจียรจานเบรกรวมกับการเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่เลยทีเดียว! 

Cover Image by : Image by senivpetro on Freepik

วิทยาการ หุ่นยนต์ ฉบับปี 2023 ยกระดับธุรกิจด้วย Robotics กันเถอะ !

หุ่นยนต์

มีมาต่อเนื่องจริง ๆ สำหรับ “คาดการณ์” ทั้งหลายแหล่เกี่ยวกับแวดวงอุตสาหกรรมต่าง ๆ ขอร้องขอวอนเลยว่าอย่างเพิ่งเบื่อกับเนื้อหาประเภทนี้ เพราะมันอาจจะช่วยอัพเดตข้อมูลที่จะทำให้คุณสามารถหยิบไปใช้พัฒนาธุรกิจองค์กรของคุณได้ โดยเฉพาะเรื่องของ “เทรนด์หุ่นยนต์” แม้เราจะเพิ่งพูดถึงไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่วิทยาการของเจ้า “หุ่นยนต์” ในอุตสาหกรรมนั้นพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหุ่นยนต์ที่คอยช่วยงานอุตสาหการ โรงงาน สายพานการผลิต โรงกลึงต่าง ๆ และบอกเลยว่าหากคุณเป็นหนึ่งคนที่ข้องเกี่ยวกับกิจการประเภทนี้และหากไม่ได้ติดตามอยู่เสมอ บางทีอาจทำให้คุณพลาดสิ่งดี ๆ ที่จะช่วยยกระดับธุรกิจของคุณเลยก็ได้

เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน.. เทรนด์ “Robotics” ปี 2023 รู้ไว้.. ปรับใช้ ยกระดับธุรกิจคุณได้!

7 คาดการณ์เทรนด์ “อุตสาหกรรมหุ่นยนต์” สู่ธุรกิจ

ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มที่หุ่นยนต์ยังเป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ มีความเทอะทะแถมยังกินพื้นที่อย่างมากภายในโรงงาน ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบัน หุ่นยนต์มีความหลากหลายและปรับเปลี่ยนได้มากกว่าที่เคยเป็นมา จนกลายเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินธุรกิจไปเสียแล้ว

โดยเฉพาะเมื่อเร็ว ๆ นี้ การเปลี่ยนแปลงมากมายของแวดวงธุรกิจ การหยุดชะงักของซัพพลายเชน การขาดแคลนแรงงาน แม้กระทั่งความไม่สงบที่เกิดขึ้นของปัญหาระหว่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ทำให้หลายธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินการ ปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ สำหรับเครื่องมือหลักในการท้าทายสถานการณ์เหล่านี้นั้นก็คือเทคโนโลยี “หุ่นยนต์” ส่วนด้านล่างต่อไปนี้เป็น 7 การคาดการณ์ล่าสุดของวิทยาการนี้ในปี 2023…

1. ระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

หุ่นยนต์
Image by Freepik

แหล่งข้อมูลได้ชี้ถึงความสำคัญของการที่นักวิเคราะห์ได้กล่าวว่า 1 ใน 3 ขององค์กรยุโรปกำลังให้ความสำคัญกับระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ตอนนี้เรากำลังก้าวสู่ทศวรรษแห่งข้อมูลขนาดใหญ่ และระบบอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์ก็ไม่ต่างกัน เทคโนโลยีการทำงานแบบอัตโนมัติกลายเป็นระบบที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากขึ้น โดยเน้นที่การใช้โชลูชันตามเนื้อหาที่ได้รับจากการเก็บสถิติบนโลกแห่งความจริง ซึ่งระบบโลจิสติกส์เป็นที่เดียว ณ ตอนนี้ ที่จะทำให้คุณได้เห็นระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งหลายที่ก็ได้ใช้หุ่นยนต์เข้ามาเป็นส่วนในการตัดสินใจด้วยเหตุผลจากการวิเคราะห์ข้อมูล

2. การเพิ่มความสามารถให้มนุษย์ด้วยหุ่นยนต์

เทคโนโลยีหุ่นยนต์ยังถูกนำไปประยุกต์ใช้ร่วมกับเทคโนโลยีอื่น ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ประมาณ 35 เปอร์เซนต์ ขององค์กรจะรวบรวมหุ่นยนต์เชิงกายภาพผสมผสานกับเทคโนโลยีอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ พัฒนาความสามารถของมนุษย์ และแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน บริษัทต่าง ๆ เริ่มตระหนักมากขึ้นว่าหุ่นยนต์ไม่ได้มาแทนที่งานของมนุษย์ แต่เป็นวิธีที่จะปรับปรุงสิ่งที่มนุษย์ทำได้อยู่แล้ว เนื่องจากหลายอุตสาหกรรมประสบปัญหาทักษะและการขาดแคลนแรงงาน หุ่นยนต์จึงเข้ามาเสริมในจุดนี้ เรียกว่าเป็นการเติมเต็มช่องว่างที่มีได้อย่างแนบเนียน

3. การใช้ Cobot เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หุ่นยนต์
Image by Lifestylememory on Freepik

เจ้า Cobot หรือในพากย์ไทยว่า “หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน” ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งคีย์แมนแนวหุ่นยนต์ในทศวรรษที่ผ่านมา และคาดว่าโคบอทจะคิดเป็น 30 เปอร์เซนต์ ของตลาดหุ่นยนต์ทั้งหมดภายในปี 2027 โคบอทนั้นได้รับการออกแบบมาให้ทำงานเคียงข้างมนุษย์ได้อย่างปลอดภัยและใช้งานง่าย ทำให้เหมาะสำหรับบริษัทที่ไม่มีประสบการณ์ด้านวิทยาการหุ่นยนต์มาก่อน และไม่มีพื้นที่หรือทรัพยาเพียงพอจะรองรับหุ่นยนต์อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องมีมาตรการป้องกันความปลอดภัยในระดับสูง

4. หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ “กำลังจะมา”

สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติกำลังย่างกรายเข้าสู่ธุรกิจต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในภาคส่วนของ “โลจิสติกส์” ณ งานแสดงสินค้าของ Automatica (งานจัดแสดงเทคโนโลยี Automation) ครั้งที่ผ่านมา มีหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติมากมายที่ถูกพัฒนาขึ้น เทคโนโลยีที่ถูกคิดค้นตั้งแต่แรก เริ่มถูกใช้งานแพร่หลาย ส่วนที่พัฒนาใหม่ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย ซึ่งตอนนี้ก็มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าใหญ่อย่างโลจิสติกส์ ก่อนที่จะขยายไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ ต่อไป

5. ระบบอัตโนมัติสำหรับประกอบชิ้นส่วน “อิเล็กทรอนิกส์” จะเติบโต

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับวิทยาการหุ่นยนต์คือการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะการประกอบชิ้นส่วนนั้นกำลังมา! ตัวอย่างที่ง่ายที่สุดตอนนี้ เช่น การขันสกรูด้วยหุ่นยนต์เป็นงานทำซ้ำที่ทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่า เป็นหนึ่งในกระบวนการที่ทำให้งานประกอบนั้นเสร็จเร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก หุ่นยนต์สามารถประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอกนิกส์ได้อย่างสม่ำเสมอกว่าแรงงานมนุษย์ที่ทำงานลักษณะเดียวกัน สิ่งนี้สามารถประหยัดเวลาและงบของบริษัทในขณะที่ช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการประกอบผลิตภัณฑ์ด้วยมนุษย์ควบคู่กันไป

หุ่นยนต์
Image by Freepik

6. อุตสาหกรรมยานยนต์ “ตกบัลลังก์” ด้านหุ่นยนต์เป็นครั้งแรก

นับเป็นเวลานานมากแล้วที่อุตสาหกรรม “ยานยนต์” นั้นเป็นผู้นำของระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ แต่ล่าสุดก็เสียตำแหน่งนี้แล้วเรียบร้อย ในปี 2020 จำนวนการนำหุ่นยนต์ไปใช้ในงานยานยนต์นั้นมากกว่าประเภทอื่นเป็นปกติ แต่ปี 2021 มีจำนวนเท่ากับการใช้งานในอุตสาหกรรมอื่นรวมกันเป็นครั้งแรก จากข้อมูลนี้ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองว่าอุตสาหกรรมอื่นนั้นเริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีนี้มากขึ้นแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

7. วิทยาการหุ่นยนต์ที่ชาญฉลาดและปรับตัวได้มากขึ้น

ขึ้นชื่อว่า “หุ่นยนต์” นอกจากจะพัฒนาเรื่องความฉลาดได้เรื่อย ๆ แล้ว ตอนนี้การปรับได้หลากหลายเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เทคโนโลยีนี้ได้รับความนิยม เทคโนโลยีคลื่นลูกใหม่ของหุ่นยนต์สามารถรวบรวมข้อมูลตามเวลาจริงเข้ากับการปฏิบัติงานได้ ซึ่งนั่นจะทำให้การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ตลอดจนการดำเนินงานทำได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของอัลกอริธึมปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้งานได้จริง มีการคาดหวังว่าเร็ว ๆ นี้ ทุกคนจะได้เห็นหุ่นยนต์ชั้นสูงและมีความสามารถที่ซับซ้อนมากขึ้นในไม่กี่ปีข้างหน้า

เหนือสิ่งอื่นใด “หุ่นยนต์ต้องใช้งานง่าย”

กุญแจสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ นอกจากความอัจฉริยะ ความฉลาดของ AI สิ่งที่ทำให้ถูกเลือกใช้จนกลายมาเป็นเทรนด์ฮอตฮิต คือ การเพิ่มขึ้นของหุ่นยนต์ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมร่วมสมัยผ่านการใช้งานด้วยแอพพลิเคชั่น ทำให้อุปสรรคในการก้าวเข้าสู่ระบบหุ่นยนต์อัตโนมัตินั้นลดน้อยลง ซึ่งในปัจจุบัน หุ่นยนต์กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกบริษัทที่จะใช้ ไม่ใช่แค่บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์เท่านั้น เพราะดูเหมือนว่าแนวโน้มไปสู่หุ่นยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานง่ายจะดำเนินต่อไป นอกจากชุดแอพพลิเคชั่นแล้ว เราจะได้เห็นโมเดลธุรกิจที่ใช้หุ่นยนต์เป็นบริการเพิ่มมากขึ้นแน่นอน

แม้เราอาจยังไม่ทราบถึงสถานการณ์ที่แน่ชัดของสิ่งต่าง ๆ ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไรในปี 2023 นี้ แต่หวังว่าการคาดการณ์สำหรับเทรนด์ที่จะเข้ามายกระดับอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ภายในเนื้อหาวันนี้ ช่วยให้คุณเกิดไอเดียมาปรับใช้กับธุรกิจคุณได้ และหากคุณยังไม่เคยลองศึกษาการใช้หุ่นยนต์ในธุรกิจ… ไม่มีอะไรเหมาะสมไปกว่าตอนนี้แล้ว!

Credit : ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลมา ณ ที่นี้

คาดการณ์เทรนด์ CNC Machining คีย์สู่ความสำเร็จของธุรกิจปี 2023

cnc

อย่าเพิ่งเอียนกับข้อมูลจำพวก “คาดการณ์” หรือ “เทรนด์ธุรกิจ” เพราะช่วงปลายปีต่อเนื่องจนถึงต้นปี คุณยังต้องเจออีกเยอะ! แต่เชื่อเถอะว่าเนื้อหาที่กลั่นกรองจากความรู้จากประสบการณ์ ก่อนจะผ่านปลายนิ้วมาเป็นบทความให้พวกเราได้เสพย์กัน เราได้ทำการเฟ้นหา รีเซิร์ชคัดเอาแต่ผลงานของผู้ที่คว่ำหวอดอยู่ในวงการนี้ เรียกได้ว่าหลาย ๆ อย่างที่คุณกำลังจะได้อ่าน หากเอาไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้อย่างเหมาะสม ล้วนแล้วแต่ให้ประโยชน์ทั้งนั้น ถ้าพร้อมแล้วไปติดตามเทรนด์ที่จะช่วยคุณขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จบนอุตสาหกรรม CNC Machining ได้เลย

7 เทรนด์ CNC Machining “มาแน่” ปี 2023

โดยแหล่งข้อมูลที่เรานำมาแชร์กันในวันนี้ มาจากคาดการณ์ประจำของ “STECKER” ผู้ผลิตเครื่องจักรแห่งสหรัฐอเมริกา ความช่ำชองของพวกเขาการันตีด้วยประสบการณ์อันยาวนานกว่า 50 ปี นับแต่ก่อตั้งเมื่อปี 1973 ซึ่งสิ่งที่พวกเขาทำประจำทุกปีเหมือนเป็นธรรมเนียมไปแล้ว คือ “คาดการณ์” เทรนด์เกี่ยวกับธุรกิจที่พวกเขานั้นถือเป็น “ตัวตึง”

ต่อไปนี้เป็นแนวโน้ม 12 เดือนข้างหน้า จากประสบการณ์และข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรมโรงกลึง CNC Machinng ที่จะส่งผลต่อการดำเนินงานของอุตสาหกรรมตลอดทั้งปีและอาจรวมถึงปีต่อ ๆ ไป

cnc
Image by usertrmk on Freepik

1. การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของระบบอัตโนมัติ

การใช้ระบบอัตโนมัติอย่างชาญฉลาดเป็นหนึ่งวิธีการเพื่อเผชิญหน้ากับตลาดแรงงานที่ท้าทาย แต่จะนำไปใช้อย่างไรและเมื่อไหร่ถึงจะดีที่สุด นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจอย่างมาก…

ว่ากันตามเนื้อผ้า เฉพาะในโครงการ เครื่องกลึง CNC ปริมาณมากเท่านั้นที่จะปรับค่าใช้จ่ายในการเพิมเซลล์ทำงานอัตโนมัติ (มักจะใช้ในหุ่นยนต์) นั่นไม่ใช่กรณีหลักอีกต่อไป วิทยาการหุ่นยนต์สมัยใหม่มีความยืดหยุ่นมากกว่าที่เคย มีความสามารถในการตั้งค่าโปรแกรมเพื่อตอบสนองความต้องการในการตัดเฉือนที่หลากหลายสำหรับชิ้นส่วนต่าง ๆ

นอกจากนี้ งานที่มีปริมาณน้อยหรือโครงการ “จัดหางาน” ยังอาจต้องพึ่งกระบวนการ “ทำซ้ำ” และบ่อยครั้งในการ “ยกของหนัก” และเมื่อมีข้อจำกัดด้านแรงงานเกิดขึ้น กระบวนการอัตโนมัติโดยหุ่นยนต์สามารถจัดการแทนในส่วนนี้ได้ในราคาที่เหมาะสม

2. เปิดประตูสู่เทคโนโลยีกว้างขึ้น

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสมัยนี้นั้นรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น “โคบอท (Cobot)” หุ่นที่ทำงานร่วมกันกับมนุษย์ เริ่มเข้ามามีบทบาทขึ้นเรื่อย ๆ ในธุรกิจอุตสาหกรรมงานกลึงสมัยใหม่

การทำงานร่วมกันแบบเคียงข้างกันระหว่างหุ่นยนต์กับพนักงานที่เป็นมนุษย์อาจดูเคอะเขินในช่วงแรก แต่การปรับเปลี่ยนและพัฒนาอย่างรวดเร็วนั้นราบรื่นช่วยทำให้ทั้งสองนั้นดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นเป็นลำดับ เรื่องแบบนี้ไม่สามารถโกหกได้ด้วยผลลัพธ์อันชัดเจนที่บอกว่าการทำงานร่วมกันของสองสิ่งนี้นั้นทำให้งานคุณภาพสูงกว่า มีความสม่ำเสมอกว่า และเชื่อถือได้ในทุกระบวนการ รอแค่วันที่จะพัฒนาไปสู่วงกว้างอย่างแท้จริงในเร็ววันนี้

3. มองโลกในแง่ดีด้วยความ “ระมัดระวัง”

การมองโลกในแง่ดีด้วยความระมัดระวังท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจปัจจุบันนี้ แม้ว่าทั่วทั้งอุตสาหกรรมนั้นยังคงมี “คำสั่งซื้อ” ที่แข็งแกร่ง แต่สิ่งน่ากลัวเป็นคำที่เพิ่งถูกเปล่งออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ในเรื่องของ “สภาวะเศรษฐกิจถดถอย” ทำให้ธุรกิจจำนวนมากจำเป็นต้องคาดการณ์อย่างระแวดระวังตัวมากขึ้น เช่น การลงทุนด้านเงินทุนต้องได้รับการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนซื้อ และการจ้างงานเพื่อตอบสนองความต้องการแรงงานในทันทีนั้นควรทำโดยจำกัดจำนวนไม่ให้มากจนเกินไป

4. มุ่งเน้นไปยังตลาดที่ “กำลังจะมาถึง” มากขึ้น

ในบางอุตสาหกรรมต้านทานความผันผวนของตลาดได้ดีกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นต้น แม้ว่าจะมีคลื่นสึนามิทางธุรกิจที่อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวทางธุรกิจ แต่ธุรกิจเครื่องจักร CNC สามารถไปต่อโต้ล้อไปกับคลื่นลูกนี้ได้ด้วยการผลิตเพลาไฟฟ้าออกจำหน่าย!

ไม่ว่าอุตสาหกรรมจะดำเนินกิจการออกนอกกรอบธุรกิจปกติหรืออยู๋ในโหมดการเติบโต แต่เมื่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูง ธุรกิจจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปยังโอกาสที่อยู่นอกเหนือ “คอมฟอร์ทโซน” และสิ่งนี้อาจขยายขอบเขตธุรกิจของคุณได้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

cnc
Image by frimufilms on Freepik

5. จับตาต้นทุนพลังงาน

สถานการณ์โลกตอนนี้คาดเดาได้ยาก เรื่องความขัดแย้งของมหาอำนาจใหญ่ส่งผลกระเพื่อมไปทั่วโลก และสิ่งที่อยู่ในลิสต์ต้น ๆ เป็นเรื่องของต้นทุนพลังงาน ราคาน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และทรัพยากรอื่น ๆ มีผลกระทบต่อธุรกิจ รวมถึงเครื่องกลึงก็ด้วย

นักวางแผนเชิงกลยุทธ์ไม่เพียงต้องรู้ทันเหตุการณ์ระดับโลกเท่านั้น แต่จำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นอีกด้วย การพร้อมที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็วทั้งในระดับโรงงานและทั้งองค์กรจะทำให้ธุรกิจคุณได้เปรียบเมื่อมีความท้าทายที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น

6. มองหลังเรื่อง “โรคระบาด” เสมอ

โรคระบาดยังเป็นสิ่งที่คุณต้องคอยส่องผ่านกระจกมองหลังอยู่เรื่อย ๆ หลังการอุบัติขึ้นของ COVID-19 ที่ทำการเขย่าทุกวิ่งที่อย่างมาเป็นเวลากว่าสองปี เกิดปัญหาต่าง ๆ มากมาย ดีมานด์ซัพพลายวุ่นไปหมด การจัดหาวัสดุก็ทำได้ยาก ไหนจะความท้าทายด้านแรงงานที่ทำให้การผลิตนั้นช้าลงอีก แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องประคับประคองให้ธุรกิจดำเนินต่อไปให้ได้

สุดท้ายแล้ว 2-3 เดือนก่อนจบปี 2022 เสถียรภาพของอุตสาหกรรมโรงกลึง นั้นดีขึ้นอย่างมาก หลายบริษัทที่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านเครื่องกลึง และอื่น ๆ ไม่ถูกจำกัดด้วยปัญหาจากโรคระบาดอีกต่อไป เรียกว่าพวกเขานั้นปรับปรุงและพัฒนาจนอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งไปกับสถานการณ์เหล่านี้ได้อย่างกลมกลืน

7. ความคาดหวังสูงกว่าเดิม

ในช่วงที่เกิดโรคระบาด ลูกค้าจำนวนมากรู้สึกโล่งใจที่ได้รับการจัดส่งชิ้นส่วนบางส่วน มีทั้งตรงเวลา และอาจคาดเคลื่อนบ้างเล็กน้อย แต่หลายคนก็เข้าใจได้ด้วยเหตุผลความไม่ปกติของโรคระบาด

จริง ๆ แล้วมันควรจะเป็นความคาดหวังที่ลดน้อยลง แต่มันดันกลับกัน! เหมือนว่าลูกค้าได้ให้เวลาคุณปรับเปลี่ยน ปรับตัวมาเป็นเวลาสองปีกว่า ตอนนี้พวกเขาคาดหวังมากขึ้นในทุกมิติ ต้องดีขึ้น เร็วขึ้น รวมถึงเรื่องของราคาก็ด้วย เตรียมตัวไว้ให้พร้อม!

ชุดข้อมูลพร้อม ถึงตาคุณแล้ว!

การสรุปคาดการณ์แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมโรงกลึงภายใน 7 ข้อนั้นอาจจะดูรวบรัดตัดตอนเกินไปเล็กน้อย หากมองถึงการมีอยู่มาช้านานของธุรกิจนี้ แต่ด้วยพื้นฐานที่หลาย ๆ องค์กร หลายผู้ประกอบธุรกิจก็น่าจะอัพเดตกันมาเรื่อย ๆ ปีต่อปี เราก็อยากจะฝากชุดข้อมูล 7 เทรนด์ ที่หนึ่งในบริษัทเก่าแก่ด้านเครื่องจักรกลของสหรัฐอย่าง STECKER ไว้ประกอบการวิเคราะห์กันสักหน่อย และหากเป้าหมายของคุณคือการเข้าถึงระดับความเป็น “ร้านค้ายอดนิยม” ตอนนี้คุณมีแนวโน้มคาดการณ์อุตสาหกรรม CNC Machining ที่ถูกกลั่นมาจากประสบการณ์ครึ่งศตวรรษอยู่ในมือแล้ว ลองลุยดูได้เลย!

cnc
Image by wirestock on Freepik

Cover Image : Image by user6702303 on Freepik

Credit : ขอขอบคุณข้อมูลในบทความดี ๆ จาก STECKER

Lean Automation ระบบอัตโนมัติแบบลีนในอุตสาหกรรมการผลิต

Lean

สำหรับระบบลีน (Lean) เป็นที่รู้กันดีในแวดวงธุรกิจว่าสิ่งนี้เป็นแนวคิดเพื่อใช้ปรับการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หลัก ๆ คือการลดสิ่งที่ไม่ช่วยให้เกิดมูลค่า (Waste) และแนวคิดนี้ก็ได้ถูกนำมาใช้กับโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตเช่นกัน ซึ่งหากคุณรู้แบคกราวน์ รู้รายละเอียดกระบวนการภายในธุรกิจของคุณอย่างละเอียด ก็สามารถใช้แนวคิดนี้ออกแบบได้ตามหลักการอย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงธุรกิงที่มีกระบวนการชัดเจนเพื่อให้ได้มาซึ่งผลผลิตอย่างโรงกลึงเองก็เช่นกัน

ส่วนในเรื่องของขั้นตอนการผลิตปัจจุบันนี้ หากจะเริ่มนำการผลิตแบบลีนมาใช้ในการปฏิบัติงานรวมถึงระบบอัตโนมัติ (Automation) แม้ช่วงแรกอาจจะต้องลงทุนเพิ่มขึ้นในเรื่องของอุปกรณ์และการวางระบบ แต่หากทำอย่างเหมาะสม คุณจะสามารถคาดการณ์ถึงต้นทุนที่ลดลงซึ่งจะสวนทางกับผลกำไรที่อาจเพิ่มขึ้น

Image by rawpixel.com on Freepik

ทำความรู้จัก “ระบบอัตโนมัติแบบลีน” คืออะไร?

ระบบอัตโนมัติแบบลีน หรือ Lean Automation คือการนำระบบลีนซึ่งเป็นวิธีการเปลี่ยนแปลงความคิดเกี่ยวกับการทำงานของคุณ และหัวใจสำคัญของการผลิตแบบลีน แทนที่จะมุ้งแน้นแค่การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของแต่ละกระบวนการ คุณจำเป็นต้องคิดถึงภาพรวมของการปรับปรุงคุณค่าที่ลูกค้าได้รับจากผลิตภัณฑ์ ในเวลาเดียวกันนี้คุณยังต้องคิดหาวิธีลดต้นทุนให้ได้มากที่สุดควบคู่ไปด้วย

แต่พอเป็นเรื่องของระบบ Automation คิดแบบเร็ว ๆ ตามเซนส์เลยก็จะพบว่าการทำให้หลาย ๆ อย่างในโรงกลึงหรือโรงงานของคุณนั้นเป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมดนั้นก็ต้องเสียเงินเพิ่มแน่นอน ซึ่งมันก็สวนทางกับหลักการผลิตแบบลีนที่เน้นเรื่องการลดต้นทุนเป็นหลัก แต่ต้นทุนที่ว่านี้มันไม่ได้มีแค่เรื่องของตัวเงินเท่านั้น และแนวทางของระบบอัตโนมัติแบบลีนนั้นไม่จำเป็นต้องทุ่มลงทุนที่อุปกรณ์เพียงอย่างเดียว

วัตถุประสงค์ของแนวคิด

คือเพื่อให้ธุรกิจของคุณเป็นแบบอัตโนมัติมีความเป็นไปได้สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่มีการใช้จ่ายน้อยกว่าองค์กรขนาดใหญ่ หากคุณต้องการใช้งานระบบอัตโนมัติแบบที่ไม่ต้องลงทุนมากจนเกินไป เริ่มต้นด้วยหลักการลีนนั้นถือว่าเป็นการสตาร์ทที่ดี ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวไปสู่ระบบอัตโนมัติแบบค่อยเป็นค่อยไปในโรงงานของคุณ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาดำเนินการในขณะที่คุณสามารถเพิ่มผลผลิตได้มากกว่าที่เคยควบคู่ไปด้วย

LEAN
Image by Drazen Zigic on Freepik

ประโยชน์ในภาคการผลิต

เพิ่มความปลอดภัยของคนงาน

ความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานควรมีความสำคัญสูงสุดอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมไหน ยิ่งกับกระบวนการผลิตที่มีความอันตราย ระบบอัตโนมัติจะช่วยให้พนักงานของคุณมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แถมยังช่วยลดข้อผิดพลาดในการผลิตได้ เช่น ระบบจัดเก็บและเรียกค้นอัตโนมัติ ช่วยให้พนักงานไม่ต้องเสี่ยงอันตรายบนพื้นที่คลังสินค้าที่มักจะเกิดอุบัติเหตุเรื่องเกี่ยวกับรถยก นอกจากนี้ระบบดังกล่าวยังช่วยลดข้อผิดพลาดของมนุษย์ในการหยิบหรือจัดเก็บผลิตภัณฑ์ได้อีกด้วย

ลดเวลาในการดำเนินการ

การใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานนั้นมีมากมาย ที่เห็นได้มากและตัวอย่างชัดเจนสุดเป็นการใช้สายพานแบบออโต้ โดยเจ้านี่จะส่งชิ้นส่วนไปยังพนักงานเพื่อทำการประกอบอีกที ซึ่งประหยัดเวลาในการต้องเดินไปมาระหว่างสเตชั่นต่าง ๆ และอำนวยความสะดวกต่อพนักงาน ทำให้มีเวลาไปทำอย่างอื่นที่สร้างประโยชน์ได้มากขึ้น

เพิ่มความแม่นยำ

การเลือกทำให้กระบวนการผลิตบางอย่างเป็นแบบอัตโนมัติ คุณจะสามารถผลิตปริมาณที่มากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยต้นทุนที่ต่ำลง อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรยึดติดกับการสร้างโมเดลเฉพาะสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงอย่างเดียว 

การผสมผสานแนวทางและเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของการลดของเสียเพื่อประหยัดต้นทุนพร้อมกับการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แนวทางปฏิบัติแบบลีนนั้นสร้างประโยชน์ได้มาก และยังช่วยให้การดำเนินงานของคุณมีความผิดพลาดน้อยลง ไม่เสียเวลาในการทำงานซ้ำซ้อน

ลดต้นทุน

การลดต้นทุนเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับระบบอัตโนมัติแบบลีนและการผลิตแบบลีน ด้วยการใช้ระบบอัตโนมัติอย่างชาญฉลาดนี้จะช่วยให้คุณลดค่ายใช้จ่ายลงได้ และวิธีหนึ่งในการลดต้นทุนโดยไม่ต้องเสียสละเวลาของพนักงานในการบำรุงรักษาเครื่องจักร คือการใช้หุ่นยนต์เพื่อทำงานร่วมกับพนักงานที่เป็นมนุษย์ ซึ่งหุ่นยนต์จะช่วยอำนวยความสะดวกมนุษย์ได้เพื่อนำเวลาไปใช้กับการลงทุนที่จำเป็นมากกว่า และที่สำคัญยังสามารถรักษาระดับของคุณภาพที่ต้องการได้เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร

LEAN
Image by aleksandarlittlewolf on Freepik

วิธีการใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ

เน้นที่กระบวนการ

ไม่ว่าจะรวมระบบอัตโนมัติหรือทำการเปลี่นแปลงอื่นใดกับการดำเนินงานของคุณ ให้คำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นอันดับแรกเสมอ การผลิตแบบลีนมุ่งเน้นที่การนำคุณค่าอันยิ่งใหญ่ที่สุดมาสู่ลูกค้า ดังนั้นให้มุ่นเน้นที่ระบบอัตโนมัติของคุณสำหรับการสร้างในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ

การตรวจสอบพนักงาน

บุคคลที่สร้างกระบวนการอัตโนมัติในโรงงานของคุณมีความสำคัญอย่างยิ่ง ระบุพนังงานที่มีความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญที่สามารถช่วยคุณได้ตลอดกระบวนอย่างชัดเจน ซึ่งบุคคลเหล่านี้อาจะรวมถึงคอนซัลต์ด้วย

มุ่งพัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยี

เครื่องมือและเทคโนโลยีที่คุณใช้ควรทำงานได้ดีกับบุคลลากรของคุณ ระบบอัตโนมัติต่าง ๆ ควรสนับสนุนงานของพนักงงานและสอดคล้องไปกับกระบวนการที่จำเป็น การใช้ระบบอัตโนมัติเป็นวิธีการปรับปรุงการดำเนินงาน การมีเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัยจะช่วยให้คุณได้ผลิตภาพมากขึ้นด้วยต้นทุนที่น้อยลง

LEAN
Image by usertrmk on Freepik

ปรับปรุงธุรกิจด้วยเทคโนโลยีทันสมัยพร้อมลดต้นทุนได้ด้วย Lean Automation…

ด้วยการใช้กลยุทธ์เหล่านี้เพื่อช่วยวางแผนการดำเนินงานของคุณในการเปลี่ยนไปใช้ระบบอัตโนมัติแบบลีน คุณสามารถทำให้การดำเนินงานของคุณมีค่าใช้จ่ายน้อยลงและใช้ประโยชน์จากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นได้ สิ่งแรก ๆ ที่ทำได้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการผลิตหากเป็นเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์ เป็นการเลือกใช้ Robot as a Service (RaaS) 

แต่หากต้องการปรับปรุงเปลี่ยแนวคิดการวางระบบ หลักการระบบอัตโนมัติแบบลีน นั้นกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากตอนนี้ อย่างรายการ “ธุรกิจพิชิตล้าน” SHARK TANK THAILAND รายการแนวเรียลิตี้โชว์เชิงธุรกิจ ได้มีบริษัทอย่าง “ROBOCLOUD” ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับประเภทนี้ โดยการนำเสนอธุรกิจของบริษัทนี้โดนใจ SHARK ซึ่งเป็นนักธุรกิจชื่อดังในเมืองไทยถึงสองคน การันตีคุณภาพความไว้วางใจด้วยการกล้าเสนอเงินลงทุนหลักหลายสิบล้านเพื่อร่วมหุ้น เรียกว่าเป็นการมองเห็นถึงมูลค่าของหลักแนวคิดของธุรกิจประเภทนี้อย่างมากเลยทีเดียว

Cover Image : Image by tawatchai07 on Freepik

Credits :