ทำไม ? Gigafactory โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ถึงเป็นผู้นำแห่งเทคโนโลยี

โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

ในวงการอุตสาหกรรมทุกวันนี้ คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ หากบอกว่า.. เทสลาเป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างครอบคลุมที่สุด และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ที่มาพร้อมกับความแม่นยำในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าได้เป็นอันดับต้นๆ ของโลก ผลผลิตอันแสนวิเศษเหล่านั้น คลอดออกมาอย่างตั้งใจจาก โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Gigafactory วันนี้เราจะมาดูกันว่าโรงงานระดับโลกที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อน มีแนวคิดและให้ความสำคัญกับอะไร รวมไปถึง AI ที่เทสลาใช้จนจบกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งรถ 1 คัน มีบทบาทสำคัญในขั้นตอนอะไรบ้าง ..ไปดูกัน

AI หุ่นยนต์อุตสาหกรรม ตัวเอกของกระบวนการ

เทสลาได้นำ AI มาประยุกต์ใช้ในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต เพื่อสร้างโรงงานอัจฉริยะที่สามารถผลิตยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เทคโนโลยี AI เหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เทสลาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้บริษัทอื่นๆ แน่นอน.. รวมถึงโรงกลึงพี-วัฒน์ของเรา มรากำลังเฝ้าติดตามข่าวสารโรงงานอุตสาหกรรมอัจฉริยะอยู่เรื่อยๆ เพื่อเตรียมรับมือในอนาคต และแนวทางในการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมของเราอีกด้วย

หุ่นยนต์ที่ควบคุมด้วย AI เหล่านี้ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยใช้ AI ในการวางแผนการเคลื่อนไหว การควบคุมแรง และการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง มิหนำซ้ำยิ่งเหนือชั้นขึ้นไปอีก คือหุ่นยนต์สามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ได้โดยการสังเกตการทำงานของมนุษย์ ทำให้สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น

โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
Credit : https://www.tesla.com

หุ่นยนต์ที่ควบคุมด้วย AI ใน Gigafactory ทำอะไรบ้าง ?

การวางแผนการผลิต

AI ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เช่น ยอดขาย ประวัติการสั่งซื้อ และปัจจัยภายนอก เพื่อทำนายความต้องการของตลาด และวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการ และช่วยในการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การลดเวลาในการผลิต การลดปริมาณวัสดุสิ้นเปลือง และการลดต้นทุนการผลิต

การประกอบแบตเตอรี่

หุ่นยนต์ที่ควบคุมด้วย AI ทำการประกอบเซลล์แบตเตอรี่เป็นโมดูล และประกอบโมดูลเข้าด้วยกันเป็นแพ็คแบตเตอรี่

การทดสอบสมรรถนะของแบตเตอรี่

ระบบวิสัยทัศน์ด้วยคอมพิวเตอร์ตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบตเตอรี่ และวัดประสิทธิภาพการทำงาน

การควบคุมหุ่นยนต์ในการพ่นสี

หุ่นยนต์ใช้ AI ในการควบคุมการเคลื่อนไหวของแขนกลเพื่อพ่นสีรถยนต์ได้อย่างแม่นยำและสม่ำเสมอ

การตรวจสอบคุณภาพ

การตรวจสอบคุณภาพผ่านระบบวิสัยทัศน์ด้วย AI นำมาใช้ในการตรวจสอบคุณภาพของชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย ด้วยความแม่นยำสูงและรวดเร็วกว่าการตรวจสอบด้วยสายตาของมนุษย์ ระบบนี้ยังสามารถตรวจจับข้อบกพร่องหรือความผิดพลาดในการผลิตได้อย่างรวดเร็ว และส่งสัญญาณเตือนให้แก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที

การบำรุงรักษา

AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อ “คาดการณ์” ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องจักร และส่งสัญญาณเตือนให้ช่างสามารถวางแผนการบำรุงรักษาได้อย่างเหมาะสม และเข้าไปแก้ไขได้ก่อนที่ปัญหาจะรุนแรงขึ้น

การเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องจักร: การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ช่วยลดความเสี่ยงของการหยุดชะงักในการผลิต และเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องจักร

โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
Credit : https://www.tesla.com
การโต้ตอบกับมนุษย์

AI สามารถเข้าใจภาษาที่มนุษย์พูดหรือพิมพ์ และตอบสนองได้อย่างถูกต้อง ทำให้การสื่อสารระหว่างมนุษย์กับระบบอัตโนมัติเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น หุ่นยนต์ที่เราเห็นบ่อยๆ คือ Optimus ซึ่งเทสลาได้พัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ Optimus ที่ใช้ AI ในการควบคุมการเคลื่อนไหว การมองเห็น และการตัดสินใจ หุ่นยนต์เหล่านี้มีศักยภาพในการทำงานร่วมกับมนุษย์ในงานที่หลากหลายภายในโรงงาน

มีการปรับปรุงกระบวนการผลิต

AI สามารถเรียนรู้จากการกระทำและผลลัพธ์ที่ได้ ทำให้สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การหาเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับหุ่นยนต์ในการเคลื่อนที่ หรือการปรับพารามิเตอร์ของเครื่องจักรให้เหมาะสมกับงานที่ทำ

การออกแบบผลิตภัณฑ์

AI สามารถสร้างแบบจำลอง 3 มิติของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้นักออกแบบสามารถทดลองและปรับปรุงดีไซน์ได้อย่างง่ายดาย

การสร้างสรรค์เนื้อหา

AI สามารถสร้างภาพ สร้างวิดีโอ หรือสร้างข้อความเพื่อใช้ในการสื่อสารและการตลาดได้

เห็นได้ชัดว่าประโยชน์ที่เทสลาได้รับจากการนำ AI มาใช้ คือเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และลดระยะเวลาในการผลิต เพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์มีความสม่ำเสมอและมีคุณภาพสูงขึ้น และมีความยืดหยุ่นในการผลิตสูง สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลง และแน่นอนคือด้านความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานของมนุษย์

โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
Credit : https://www.tesla.com

เทสลาให้ความสำคัญกับอะไร ?

เรารู้กันดีว่า Gigafactory ขอเทสลา สามารถผลิตยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตที่ทันสมัยมาใช้หลายอย่างตามที่กล่าวไปเเล้ว นอกจากนี้ Gigafactory ยังรวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลจากกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพของชิ้นส่วน ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเครื่องจักร และข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของหุ่นยนต์ ข้อมูลเหล่านี้ถูกนำมาวิเคราะห์โดย AI เพื่อหารูปแบบและแนวโน้มต่างๆ ซึ่งจะช่วยในการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เทสลาใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของ AI ที่ช่วยให้ระบบสามารถเรียนรู้จากข้อมูลได้ด้วยตนเอง ที่สำคัญมีการลงทุนด้าน R&D อยู่ตลอดเวลา เทสลาลงทุนอย่างมากในการวิจัยและพัฒนาระบบ AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเรียนรู้ของเครื่องจักรและวิสัยทัศน์คอมพิวเตอร์

สุดท้ายการลงทุนกับคนก็เป็นเรื่องที่องค์กรสมัยใหม่ยังคงต้องให้ความสำคัญที่สุด แม้ AI จะทำงานบางอย่างแทนคนได้แล้วก็ตาม เทสลารวบรวมนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรระดับหัวกะทิที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI มาทำงานร่วมกัน เพื่อพัฒนาระบบ AI ให้มีความสามารถสูงสุด

จุดเด่นของ Gigafactory

  • การผลิตในปริมาณมาก Gigafactory สามารถผลิตแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้าได้ในปริมาณมาก ช่วยลดต้นทุนการผลิตและทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
  • เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย Gigafactory ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย เช่น หุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระบบอัตโนมัติ และปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
  • การออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Gigafactory ถูกออกแบบมาให้ใช้พลังงานหมุนเวียน และมีการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ
  • Gigafactory ของ Tesla มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่การใช้พลังงานสะอาด และเป็นตัวอย่างของการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน
  • การพัฒนา AI ใน Gigafactory มีผลกระทบต่อตลาดแรงงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ โดยมีทั้งผลกระทบในแง่บวกและแง่ลบ ดังนี้

อัจฉริยะแค่ไหน แค่เหรียญย่อมมีสองด้าน

แน่นอนว่าความล้ำสมัยสุดขั้วของ โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Gigafactory ของเทสลาย้อมต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสีย และผลกระทบที่เกิดกับสภาพแวดล้อม อย่างที่คำพูดคุ้นหูจากยุคสมัยของการตื่นรู้ในอดีต ที่กล่าวว่า “การเกิดขึ้นของนวัตกรรมใหม่ๆ ต้องแลกมาด้วยความเสียสละอันยิ่งใหญ่”

โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
Credit : https://www.tesla.com

ผลกระทบในแง่ลบ

  • การลดจำนวนพนักงาน: เนื่องจาก AI เข้ามาแทนที่งานที่ซ้ำซากและอันตราย ทำให้จำนวนพนักงานในสายการผลิตอาจลดลงได้
  • การเปลี่ยนแปลงทักษะที่ต้องการ: พนักงานจะต้องมีทักษะที่สูงขึ้นในการทำงานร่วมกับ AI เช่น การเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ข้อมูล และการแก้ไขปัญหา ซึ่งอาจทำให้พนักงานบางส่วนต้องปรับตัวหรือฝึกอบรมเพิ่มเติม

ผลกระทบในแง่บวก

  • การสร้างงานใหม่: การพัฒนา AI จะสร้างงานใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา AI การบำรุงรักษาระบบ AI และการวิเคราะห์ข้อมูล
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: AI ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องทำงานที่ซ้ำซากจำเจ ทำให้พนักงานมีเวลาในการทำงานที่สร้างสรรค์มากขึ้น
  • การปรับปรุงสภาพการทำงาน: AI ช่วยลดงานที่เสี่ยงอันตราย ทำให้สภาพการทำงานของพนักงานปลอดภัยมากขึ้น

แม้การพัฒนา AI ใน Gigafactory จะส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของงานที่ถูกแทนที่ ความเร็วในการพัฒนา AI และนโยบายของรัฐบาลในการรองรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้

Credits : https://www.tesla.com

วิทยาการ หุ่นยนต์ ฉบับปี 2023 ยกระดับธุรกิจด้วย Robotics กันเถอะ !

หุ่นยนต์

มีมาต่อเนื่องจริง ๆ สำหรับ “คาดการณ์” ทั้งหลายแหล่เกี่ยวกับแวดวงอุตสาหกรรมต่าง ๆ ขอร้องขอวอนเลยว่าอย่างเพิ่งเบื่อกับเนื้อหาประเภทนี้ เพราะมันอาจจะช่วยอัพเดตข้อมูลที่จะทำให้คุณสามารถหยิบไปใช้พัฒนาธุรกิจองค์กรของคุณได้ โดยเฉพาะเรื่องของ “เทรนด์หุ่นยนต์” แม้เราจะเพิ่งพูดถึงไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่วิทยาการของเจ้า “หุ่นยนต์” ในอุตสาหกรรมนั้นพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหุ่นยนต์ที่คอยช่วยงานอุตสาหการ โรงงาน สายพานการผลิต โรงกลึงต่าง ๆ และบอกเลยว่าหากคุณเป็นหนึ่งคนที่ข้องเกี่ยวกับกิจการประเภทนี้และหากไม่ได้ติดตามอยู่เสมอ บางทีอาจทำให้คุณพลาดสิ่งดี ๆ ที่จะช่วยยกระดับธุรกิจของคุณเลยก็ได้

เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน.. เทรนด์ “Robotics” ปี 2023 รู้ไว้.. ปรับใช้ ยกระดับธุรกิจคุณได้!

7 คาดการณ์เทรนด์ “อุตสาหกรรมหุ่นยนต์” สู่ธุรกิจ

ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มที่หุ่นยนต์ยังเป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ มีความเทอะทะแถมยังกินพื้นที่อย่างมากภายในโรงงาน ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบัน หุ่นยนต์มีความหลากหลายและปรับเปลี่ยนได้มากกว่าที่เคยเป็นมา จนกลายเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินธุรกิจไปเสียแล้ว

โดยเฉพาะเมื่อเร็ว ๆ นี้ การเปลี่ยนแปลงมากมายของแวดวงธุรกิจ การหยุดชะงักของซัพพลายเชน การขาดแคลนแรงงาน แม้กระทั่งความไม่สงบที่เกิดขึ้นของปัญหาระหว่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ทำให้หลายธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินการ ปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ สำหรับเครื่องมือหลักในการท้าทายสถานการณ์เหล่านี้นั้นก็คือเทคโนโลยี “หุ่นยนต์” ส่วนด้านล่างต่อไปนี้เป็น 7 การคาดการณ์ล่าสุดของวิทยาการนี้ในปี 2023…

1. ระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

หุ่นยนต์
Image by Freepik

แหล่งข้อมูลได้ชี้ถึงความสำคัญของการที่นักวิเคราะห์ได้กล่าวว่า 1 ใน 3 ขององค์กรยุโรปกำลังให้ความสำคัญกับระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ตอนนี้เรากำลังก้าวสู่ทศวรรษแห่งข้อมูลขนาดใหญ่ และระบบอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์ก็ไม่ต่างกัน เทคโนโลยีการทำงานแบบอัตโนมัติกลายเป็นระบบที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากขึ้น โดยเน้นที่การใช้โชลูชันตามเนื้อหาที่ได้รับจากการเก็บสถิติบนโลกแห่งความจริง ซึ่งระบบโลจิสติกส์เป็นที่เดียว ณ ตอนนี้ ที่จะทำให้คุณได้เห็นระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งหลายที่ก็ได้ใช้หุ่นยนต์เข้ามาเป็นส่วนในการตัดสินใจด้วยเหตุผลจากการวิเคราะห์ข้อมูล

2. การเพิ่มความสามารถให้มนุษย์ด้วยหุ่นยนต์

เทคโนโลยีหุ่นยนต์ยังถูกนำไปประยุกต์ใช้ร่วมกับเทคโนโลยีอื่น ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ประมาณ 35 เปอร์เซนต์ ขององค์กรจะรวบรวมหุ่นยนต์เชิงกายภาพผสมผสานกับเทคโนโลยีอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ พัฒนาความสามารถของมนุษย์ และแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน บริษัทต่าง ๆ เริ่มตระหนักมากขึ้นว่าหุ่นยนต์ไม่ได้มาแทนที่งานของมนุษย์ แต่เป็นวิธีที่จะปรับปรุงสิ่งที่มนุษย์ทำได้อยู่แล้ว เนื่องจากหลายอุตสาหกรรมประสบปัญหาทักษะและการขาดแคลนแรงงาน หุ่นยนต์จึงเข้ามาเสริมในจุดนี้ เรียกว่าเป็นการเติมเต็มช่องว่างที่มีได้อย่างแนบเนียน

3. การใช้ Cobot เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หุ่นยนต์
Image by Lifestylememory on Freepik

เจ้า Cobot หรือในพากย์ไทยว่า “หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน” ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งคีย์แมนแนวหุ่นยนต์ในทศวรรษที่ผ่านมา และคาดว่าโคบอทจะคิดเป็น 30 เปอร์เซนต์ ของตลาดหุ่นยนต์ทั้งหมดภายในปี 2027 โคบอทนั้นได้รับการออกแบบมาให้ทำงานเคียงข้างมนุษย์ได้อย่างปลอดภัยและใช้งานง่าย ทำให้เหมาะสำหรับบริษัทที่ไม่มีประสบการณ์ด้านวิทยาการหุ่นยนต์มาก่อน และไม่มีพื้นที่หรือทรัพยาเพียงพอจะรองรับหุ่นยนต์อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องมีมาตรการป้องกันความปลอดภัยในระดับสูง

4. หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ “กำลังจะมา”

สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติกำลังย่างกรายเข้าสู่ธุรกิจต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในภาคส่วนของ “โลจิสติกส์” ณ งานแสดงสินค้าของ Automatica (งานจัดแสดงเทคโนโลยี Automation) ครั้งที่ผ่านมา มีหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติมากมายที่ถูกพัฒนาขึ้น เทคโนโลยีที่ถูกคิดค้นตั้งแต่แรก เริ่มถูกใช้งานแพร่หลาย ส่วนที่พัฒนาใหม่ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย ซึ่งตอนนี้ก็มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าใหญ่อย่างโลจิสติกส์ ก่อนที่จะขยายไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ ต่อไป

5. ระบบอัตโนมัติสำหรับประกอบชิ้นส่วน “อิเล็กทรอนิกส์” จะเติบโต

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับวิทยาการหุ่นยนต์คือการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะการประกอบชิ้นส่วนนั้นกำลังมา! ตัวอย่างที่ง่ายที่สุดตอนนี้ เช่น การขันสกรูด้วยหุ่นยนต์เป็นงานทำซ้ำที่ทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่า เป็นหนึ่งในกระบวนการที่ทำให้งานประกอบนั้นเสร็จเร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก หุ่นยนต์สามารถประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอกนิกส์ได้อย่างสม่ำเสมอกว่าแรงงานมนุษย์ที่ทำงานลักษณะเดียวกัน สิ่งนี้สามารถประหยัดเวลาและงบของบริษัทในขณะที่ช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการประกอบผลิตภัณฑ์ด้วยมนุษย์ควบคู่กันไป

หุ่นยนต์
Image by Freepik

6. อุตสาหกรรมยานยนต์ “ตกบัลลังก์” ด้านหุ่นยนต์เป็นครั้งแรก

นับเป็นเวลานานมากแล้วที่อุตสาหกรรม “ยานยนต์” นั้นเป็นผู้นำของระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ แต่ล่าสุดก็เสียตำแหน่งนี้แล้วเรียบร้อย ในปี 2020 จำนวนการนำหุ่นยนต์ไปใช้ในงานยานยนต์นั้นมากกว่าประเภทอื่นเป็นปกติ แต่ปี 2021 มีจำนวนเท่ากับการใช้งานในอุตสาหกรรมอื่นรวมกันเป็นครั้งแรก จากข้อมูลนี้ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองว่าอุตสาหกรรมอื่นนั้นเริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีนี้มากขึ้นแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

7. วิทยาการหุ่นยนต์ที่ชาญฉลาดและปรับตัวได้มากขึ้น

ขึ้นชื่อว่า “หุ่นยนต์” นอกจากจะพัฒนาเรื่องความฉลาดได้เรื่อย ๆ แล้ว ตอนนี้การปรับได้หลากหลายเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เทคโนโลยีนี้ได้รับความนิยม เทคโนโลยีคลื่นลูกใหม่ของหุ่นยนต์สามารถรวบรวมข้อมูลตามเวลาจริงเข้ากับการปฏิบัติงานได้ ซึ่งนั่นจะทำให้การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ตลอดจนการดำเนินงานทำได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของอัลกอริธึมปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้งานได้จริง มีการคาดหวังว่าเร็ว ๆ นี้ ทุกคนจะได้เห็นหุ่นยนต์ชั้นสูงและมีความสามารถที่ซับซ้อนมากขึ้นในไม่กี่ปีข้างหน้า

เหนือสิ่งอื่นใด “หุ่นยนต์ต้องใช้งานง่าย”

กุญแจสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ นอกจากความอัจฉริยะ ความฉลาดของ AI สิ่งที่ทำให้ถูกเลือกใช้จนกลายมาเป็นเทรนด์ฮอตฮิต คือ การเพิ่มขึ้นของหุ่นยนต์ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมร่วมสมัยผ่านการใช้งานด้วยแอพพลิเคชั่น ทำให้อุปสรรคในการก้าวเข้าสู่ระบบหุ่นยนต์อัตโนมัตินั้นลดน้อยลง ซึ่งในปัจจุบัน หุ่นยนต์กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกบริษัทที่จะใช้ ไม่ใช่แค่บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์เท่านั้น เพราะดูเหมือนว่าแนวโน้มไปสู่หุ่นยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานง่ายจะดำเนินต่อไป นอกจากชุดแอพพลิเคชั่นแล้ว เราจะได้เห็นโมเดลธุรกิจที่ใช้หุ่นยนต์เป็นบริการเพิ่มมากขึ้นแน่นอน

แม้เราอาจยังไม่ทราบถึงสถานการณ์ที่แน่ชัดของสิ่งต่าง ๆ ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไรในปี 2023 นี้ แต่หวังว่าการคาดการณ์สำหรับเทรนด์ที่จะเข้ามายกระดับอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ภายในเนื้อหาวันนี้ ช่วยให้คุณเกิดไอเดียมาปรับใช้กับธุรกิจคุณได้ และหากคุณยังไม่เคยลองศึกษาการใช้หุ่นยนต์ในธุรกิจ… ไม่มีอะไรเหมาะสมไปกว่าตอนนี้แล้ว!

Credit : ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลมา ณ ที่นี้

ส่องเทรนด์ CNC Machining ที่น่าจับตามองปี 2022

เครื่อง cnc

เหมือนจะห่างหายกันไปพอสมควรสำหรับเรื่องราวของ CNC Machining เจ้าเครื่อง CNC จักรกลที่เป็นคีย์แมนแห่งอุตสาหรกรรมการผลิตในหลายแขนง ซึ่งต้นปีแบบนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่ควรค่าแก่การอัพเดตเทรนด์ต่าง ๆ ที่ “กำลังจะ” หรือดำเนินอยู่ในกาลปัจจุบัน และแน่นอนเลยว่าหากมีการคาดการณ์ที่ดี จะส่งผลต่ออนาคตของอุตสาหกรรมได้ไม่มากก็น้อย

อย่างที่บอกไปช่วงต้น การก้าวเข้าสู่เดือน 3 ของปีปฏิทิน ถือว่ามันยังเป็นอะไรที่ใหม่อยู่สำหรับปี 2022 คงเป็นเรื่องดีไม่ใช่น้อยหากเราได้รู้เกี่ยวกับเทรนด์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้และปีต่อ ๆ ไป โดยเฉพาะ “ผู้ผลิต” การจับตาดูโลกของเครื่อง CNC เพื่อเตรียมพร้อมเก็บเกี่ยวประโยชน์จากการพัฒนาที่สำคัญ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้

เครื่อง cnc

ยกระดับอุตสาหกรรมด้วย 4 เทรนด์ CNC Machining ปี 2022 

จั่วหัวกันแบบ “เล่นใหญ่” เอาไว้ก่อน ส่วนเทรนด์ที่เราจะนำมาฝากผ่านเนื้อหาด้านล่างนี้จะช่วยยกระดับได้แค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกปรับใช้ให้ตรงกับอุตสาหกรรมของคุณ สำหรับโลกธุรกิจนั้นนอกจากจะต้องมีจุดยืนที่แข็งแกร่งแล้ว การปรับตัวให้ทันตามเทรนด์โลกเป็นสิ่งที่คุณเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเรารับรองเลยว่า 4 เทรนด์ เครื่อง CNC ที่คุณจะได้ยลต่อไปนี้ จะช่วยเสริมสร้างมุมมองที่กว้างขึ้นสำหรับปี 2022 แน่นอน!

1. การผสมผสาน CNC Machining เข้ากับเครื่องพิมพ์ 3 มิติ

จะกล่าวว่าเป็นความแตกต่างที่ลงตัวได้หรือเปล่า? เนื่องด้วยคุณสมบัติที่แตกต่างกันของ “เครื่องจักรกล CNC” กับ “เครื่องพิมพ์ 3 มิติ” นั้นสวนทางกันเป็นอย่างมาก อย่างแรกใช้เพื่อตัดชิ้นส่วนออก ส่วนอย่างหลักนั้นเป็นการเสริมสร้างส่วนที่ต้องการให้เป็นรูปทรงมากขึ้น แต่สำหรับผู้ผลิตแล้ว “เราไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง”

แยกเฉพาะเรื่องของการขึ้นแบบ เครื่องพิมพ์ 3 มิติ นั้นโดดเด่นและตรงจุดกว่าในเรื่องนี้ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องของความแม่นยำ เครื่องจักรกล CNC นั้นทำได้ละเอียดยิบในระดับ 0.025 มม. ขณะที่เครื่องพิมพ์ 3 มิติทั่วไปอยู่ที่ 0.1 มม. เท่านั้น

ปี 2022 มีหลายโรงงานริ่เริ่มนำการ “ผลิตแบบไฮบริด” มาใช้ ซึ่งการที่พูดถึง CNC นั้นหมายถึงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการกัด การกลึง การเผาหล่อด้วยเลเซอร์โลหะโดยตรงหรือกระบวนการเติมแต่งอื่น ๆ โดยอาจมีการประเมินก่อนเริ่มโครงการ มองหาจุดที่สามารถใช้ CNC Maching กับ เครื่องพิมพ์ 3 มิติ ดำเนินการร่วมกัน เช่น ใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติ ในการขึ้นแบบ พอถึงในขั้นตอนของการสร้างผลิตภัณฑ์ จะเป็นการจัดการของ CNC Machining ล้วน ๆ

เครื่อง cnc

2. Digital Twins สำหรับเครื่องจักรกล CNC โดยเฉพาะ

หนึ่งใน IoT (Internet of Things) ที่จะเข้ามายกระดับการผลิตให้มีคุณภาพมากกว่าเดิม จะดีแค่ไหน หากคุณสามารถสร้างแบบจำลองการผลิตที่ทรงประสิทธิภาพสำหรับผลิตภัณฑ์ของคุณก่อนดำเนินการด้วยแนวคิดนี้

ผู้คนในภาคอุตสาหกรรมจำนวนไม่น้อยเริ่มใช้ Digital Twins เพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเครื่องจักร ไปจนถึงกระบวนการต่าง ๆ เรียกได้ว่าการใช้เทคโนโลยีนี้นั้นเสมือนตัวแทนมากกว่าจะเป็นแค่แบบจำลองโดยทั่วไป

ให้เห็นภาพชัดเจนกว่าเดิม การจำลองมักเป็นการแสดงกระบวนการอย่างเดียว แต่ดิจิทัลทวินส์สามารถปรับขนาดได้ ให้รายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการที่ซับซ้อนหลายอย่างพร้อมกันได้อีกด้วย

หนึ่งในเทรนด์ CNC ที่น่าจับตามองสุด ๆ ในปีนี้ก็คือการนำดิจิทอลทวินส์มาใช้ในระหว่างขั้นตอนการตั้งค่าเพื่อหลีกเลี่ยง “เซอร์ไพรส์” อันไม่พึงประสงค์ การมีผลิตภัณฑ์อยู่บนคลาวด์จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์เชื่อมโยงการเขียนโปรแกรม CNC กับเครื่องมือและตัวยึดที่ใช้กับแต่ละเครื่องได้เลย

3. เพิ่มการลงทุนในระบบอัตโนมัติ

เป็นสิ่งที่คาดว่าน่าจะเติบโตมากในปี 2022 จากที่ได้เริ่มรับความสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในบทความต้นทางได้ยกตัวอย่างถึงบริษัทหนึ่ง ได้เสนอเซลล์หุ่นยนต์ที่ควบคุมด้วยกล้องซึ่งใช้ในการโหลดหรือยกเลิกการโหลดเครื่อง CNC แบบอัตโนมัติ ลูกค้าสามารถติดตั้งสเตชั่นเพิ่มเติมเพื่อจัดการกับการเลี้ยว การวัด และการทำเครื่องหมายได้ทันที

อีกกรณีหนึ่ง เป็นการร่วมกันระหว่าง Mitsubishi และ AIST ส่งผลให้เกิดโซลูชันเครื่อง CNC ที่รวมระบบอัตโนมัติและ AI เข้าด้วยกัน โดยเป็นระบบแก้ไขข้อผิดพลาดที่ใช้ AI ในการประเมินความคลาดเคลื่อนระหว่างตำแหน่งปัจจุบันของเครื่อง CNC กับค่าคำสั่งของเครื่อง

การทดสอบนี้แสดงให้เห็นว่าวิธีการดังกล่าวเพิ่มความแม่นยำขึ้นถึง 51% เมื่อเทียบกับตัวเลือกที่ไม่ใช่ AI ที่เจ๋งกว่านั้นก็คือเทคโนโลยีนี้สามารถใช้แก้ไขได้แม้กระทั่งในระหว่างการตัดเฉือนแบบไดนามิก ซึ่งขั้นตอนนี้จะช่วยประหยัดเวลาและยังรักษาคุณภาพให้อยู่ในระดับสูงอีกต่างหาก!

เครื่อง cnc

4. การบำรุงรักษาเชิงป้องกันและคาดการณ์เพิ่มเติม

น่าจะคุ้นหูคุ้นตากันไม่น้อยสำหรับเทรนด์นี้ เพราะเป็นกระแสที่โรงกลึงพีวัฒน์ติดตาม และบอกเล่าผ่านบทความสาระอุตสาหกรรมมาตลอด ซึ่งเทรนด์นี้ไม่ใช่แค่ภาคอุตสาหกรรมการผลิต แต่เรื่องยกระดับการบำรุงรักษาเชิงป้องกันและคาดการณ์เพิ่มเติม จะกลายเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในปัจจุบันและต่อไปในอนาคต

การบำรุงรักษาเชิงปฏิกิริยา การชะลอค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเชิงป้องกันอาจทำให้เสียเวลาในการทำงานและทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นสิ้นเปลือง ในทางการกลับกัน การยกระดับมาตรการนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้สูงสุด

AI (ปัญญาประดิษฐ์) มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งสำหรับกระบวรการนี้ เนื่องด้วยการคาดการณ์จากข้อมูลที่แม่นยำนั้นส่งผลให้การกำหนดวันเวลาการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน เพื่อลดโอกาสของความเสียหายได้ดีที่สุด โดยเฉพาะการแจ้งเตือนผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับปัญหาก่อนที่มันจะเกิดขึ้นสำหรับความเสียหายที่ไม่ทันคาดคิด

เครื่อง cnc

นอกจาก 4 เทรนด์ที่น่าจับตามองที่เราได้ร่ายยาวไปทั้งหมดแล้ว การเรียนรู้ CNC Machining สำหรับตัดสินใจเลือกตัวเลือกที่ยืดหยุ่น เป็นสิ่งที่หลายองค์กรเริ่มมุ่งเน้นให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องได้อบรบสำหรับเรื่องนี้มากยิ่งขึ้นในปี 2022 ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนถึงความสำคัญและความนิยมของเครื่อง CNC เป็นอย่างมาก การเรียนรู้เชิงลึกไม่ได้อยู่ที่ช่างเครื่อง CNC อย่างเดียวต่อไป การฝึกอบรมทักษะการผลิตอย่างต่อเนื่องของผู้ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งนี้ตลอดกระบวนการ นอกจากเรื่องความยืดหยุ่นสำหรับเลือกใช้ออปชั่นที่เหมาะสมต่อเครื่องจักรแบบต่าง ๆ แล้ว เรื่องของบุคลากรนั้นก็จะถูกพัฒนาไปด้วยการ ส่งผลให้การอุตสาหกรรมการผลิตสามารถดำเนินการได้แบบไร้รอยต่อ…

ขอขอบคุณข้อมูลสาระดี ๆ จาก americanmachinist.com มา ณ ที่นี้

กลไกอันน่าทึ่งของ AI และ Machine Learning “คลื่นลูกใหม่” ของอุตสาหกรรมการผลิต

machine learning

คำว่า “Smart Manufacturing” หรือที่พากย์ไทยได้ว่า “ระบบการผลิตอัจฉริยะ” หลายคนอาจจะผ่านหูผ่านตามาบ้างเมื่อตกอยู่ในแดนสนธยาของ “IoT” กับ “IIoT” 

และที่จะกล่าวต่อไปนี้ก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวเนื่องกันของ “ปัญญาประดิษฐ์” (AI) เมื่อถูกนำไปฟิวชั่นกับสิ่งที่เรียกว่า Machine Learning (ML) ซึ่งได้รับการซูฮกว่าเป็นเทคโนโลยีคลื่นลูกใหม่ที่คอยขับเคลื่อนนวัตกรรม จนได้รับคำนิยามว่าเป็นหนึ่งในปัญญาประดิษฐ์เชิงอุตสาหกรรมอันแสนโดดเด่น ที่จะช่วยให้คุณนั้นสร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลง

เมื่อเราเดินทางมาถึงวันที่ “ข้อมูล” กลายเป็นทรัพยาการอันมีค่า แถมยังมีราคาถูกกว่าที่เคย หากเราเลือกใช้เทคโนโลยีได้ถูกต้องในการตักตวงประโยชน์จากการเก็บข้อมูลต่าง ๆ และดึงศักยภาพสูงสุดของสิ่งนั้น อันเป็นที่มาของบทบาทความสำคัญการใช้ AI ประสานงานเข้ากับ ML ที่เราจะพาทุกคนไปดื่มด่ำกันในวันนี้

machine learning

AI และ ML คืออะไร ในวงการผลิต

มีกรณีมากมายที่ใช้งานปัญญาประดิษฐ์ (AI) ด้วยหลากหลายวิธีสำหรับช่วยเพิ่มมูลค่าในอุตสาหกรรม ซึ่งนั่นก็ทำให้ AI มีบทบาทสำคัญในวงการผลิต เป็นสิ่งที่เชื่อมต่อกับ IoT (IIoT) เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0 อย่างแท้จริง และหนึ่งในชุดย่อยที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดของ AI คือ ML (Machine Learning)

และอย่างที่รู้กันว่าการผลิตตามกระบวนการเป็นภาคส่วนที่มีการแข่งขันสูง ด้วยตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ระบบอันซับซ้อนซึ่งก็เต็มไปด้วยหลายชิ้นส่วนจำนวนมากที่มีการเคลื่อนไหว การขับเคลื่อนสิ่งเหล่านี้รวมถึงการปรับปรุงความสามารถตลอดจนถึงการเริ่มต้นทำกำไรตั้งแต่กระบวนการผลิต ถือเป็นข้อได้เปรียบทั้งหมด และนี่เป็นสิ่งที่ AI กับ ML สามารถมอบให้คุณได้

machine learning

ความสำคัญของ AI และ ML ต่อโรงงานผลิต

การมีอยู่ของ AI มีส่วนทำให้โรงงานในกระบวนการผลิตสามารถบูรณาการข้อมูล วิเคราะห์ และสร้างข้อมูลเชิงลึกรวมถึงคาดการณ์สิ่งต่าง ๆ ช่วยทำให้เห็นภาพรวมก่อนตัดสินใจได้แบบครอบคลุมทั่วถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้

สำหรับ ML ก็เป็นประเภทของ AI ที่บีบอัดชุดข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อระบุรูปแบบและแนวโน้ม ก่อนสร้างเป็นแบบจำลองเพื่อคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งยังช่วยให้โรงงานรู้ความผันผวนของอุปสงค์อุปทาน ต่อเนื่องด้วยการประเมินช่วงเวลาดีที่สุดสำหรับกำหนดการบำรุงรักษา ตลอดจนการระบุสัญญาณเริ่มต้นของความผิดปกติ

ทั้งนี้นั้น ML ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Machine Learning ก็ต้องมีกระบวนการในการเรียนรู้ก่อนที่จะสามารถวิเคราะห์สิ่งใดก็ตามได้อย่างแม่นยำ จึงเป็นที่มาของการได้มาของข้อมูล การเก็บรวบรวมให้ถูกต้อง และคัดสรรเฉพาะข้อมูลที่มีประโยชน์ เพื่อให้ ML เกิดการเรียนรู้อยู่เสมอ ยิ่งชุดข้อมูลมีมากเท่าไหร่ ML ก็จะฉลาดและแม่นยำมากขึ้นเท่านั้น

ในฐานะโรงกลึงสมัยใหม่ที่เฝ้ามองกระแสความเป็นไปของเทคโนโลยี เราโรงกลึงพี-วัฒน์ก็กำลังปรับตัว และพยายามรวบรวมข้อมูลต่างๆ ด้านวัสดุที่ใช้ในการผลิต รวมถึงความคิดเห็นต่าง ๆ จากลูกค้า เพื่อนำมาปรับใช้ในจุดที่เหมาะสมที่จะใช้ ML ในอนาคตมาพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการส่งมอบงานให้แก่ลูกค้า

ความช่วยเหลือของ AI และ ML ต่อโรงงานผลิต
  • ค้นหาสิ่งใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นเพื่อลดต้นทุนได้
  • มีความเข้าใจแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงของตลาดแบบเรียลไทม์
  • ปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานของอุตสาหกรรม ปรับปรุงความปลอดภัย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  • เพิ่มคุณภาพของสินค้า
  • ค้นหาและกำจัดกระบวนการผลิตที่ต่ำที่สุดของอุตสาหกรรม (กระบวนการคอขวด)
  • ปรับปรุงการมองเห็นของซัพพลายเชน และช่องทางการจัดจำหน่าย
  • ตรวจจับสัญญาณความปกติแรกสุด สาเหตุของการล้มเหลว ลดเวลาการหยุดทำงาน และดำเนินการซ่อมแซมได้อย่างรวดเร็ว
  • วิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงเพื่อปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ ได้ละเอียดมากขึ้น
  • เพิ่มประสิทธิภาพของวงจรชีวิตอุปกรณ์ทั้งหมดของอุตสาหกรรม (อายุการใช้งาน)

ใช้ AI/ML อย่างไร ให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับการผลิต

1. ปรับปรุงการจัดการข้อมูล

ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องมือ AI หรือ ML ประเภทใด ก่อนที่จะเริ่มกระบวนการคุณต้องแน่ใจแล้วว่าได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็น และเกี่ยวข้องทั้งหมดต่อการสร้างแบบจำลองเพื่อเริ่มโครงการนั้น ๆ ตลอดจนการเลือกใช้แพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลอย่างเหมาะสม

2. กำหนดเป้าหมาย

มีหลายกรณีในการใช้งาน ML และ AI ในการผลิต ซึ่งทุกกรณีนั้นก็มีศักภาพต่อการสร้างมูลค่าและปรับปรุงผลกำไร

เพื่อให้คุณสามารถใช้ AI/ML ได้อย่างเป็นระบบแล้ว ควรเริ่มต้นด้วยการกำหนดขอบเขตที่สามารถตอบสนองได้เร็วที่สุด หรือมีชุดข้อมูลที่จำเป็นอยู่แล้ว และจัดลำดับความสำคัญว่าควรตั้งเป้าหมายใดเป็นอันดับแรก

3. ใช้กับทั้งองค์กร

อาจจะเริ่มต้นด้วยการใช้งาน AI สำหรับงานที่จำกัดเฉพาะในบางแผนกก่อน หรือใช้การคาดคะเนของ ML กับกรณีการใช้งานแบบเฉพาะ แต่ท้ายที่สุดแล้วคุณจะเห็นประโยชน์ที่แท้จริงของสิ่งนี้ เมื่อเชื่อมต่อการใช้งานด้วยความสามารถแบบอัตโนมัติของ AI ประกอบกับการคาดการณ์ของ ML ทั่วทั้งองค์กร

4. ประเมินทักษะ

ตรวจสอบชุดทักษะที่จำเป็นเพื่อมองหาบุคลากรที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น นักวิเคราะห์ นักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูล ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที และอื่น ๆ 

5. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนโดยข้อมูล

สร้างความไว้วางใจโดยการรวบรวมรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อสร้างข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยให้คนในองค์กรใช้งานได้จริงและสำเร็จภารกิจด้วยสิ่งนี้ นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของข้อมูลก่อนเปิดใช้โมเดล ML ด้วยอัลกอริธึมของ AI 

และเมื่อพวกเขาเห็นประโยชน์ของสิ่งนี้ด้วยการสัมผัสด้วยตัวเอง การนำ AI และ ML มาใช้ในการผลิตก็จะได้การตอบรับที่ดีและประสบผลสำเร็จในที่สุด

machine learning

ร่วมพิสูจน์ความสามารถของ AI และ ML ด้วยบริการของโรงกลึงพี-วัฒน์

ด้วยการยอมรับกรณีการใช้งานของ AI ด้วย Machine Learning ของหลายโรงงานผลิตทั่วโลก เพื่อนำมาปรับเข้ากับงานผลิตของโรงกลึงพี-วัฒน์ ทำให้เราสามารถคาดการณ์ความผันผวนของความต้องการของตลาด ตลอดจนการปรับปรุง หาข้อบกพร่อง  และดึงศักยภาพการผลิตออกมาได้สูงสุด พร้อมส่งมอบสินค้าคุณภาพในทุกชิ้นงาน และอีกไม่นานคุณจะสามารถร่วมพิสูจน์ความน่าทึ่งของ AI และ ML ผ่านการใช้บริการจากเรา

ขอขอบคุณข้อมูลประกอบบทความจาก

https://www.seebo.com/machine-learning-ai-manufacturing

https://www.precog.co/glossary/ai-ml-in-manufacturing

น่าสนใจมากน้อยแค่ไหน.. อนาคตของ CNC Machining x ปัญญาประดิษฐ์ ?

ปัญญาประดิษฐ์

มาปิดท้ายซีรีส์ “CNC Machining” ไปกับเราที่นี่ ด้วยการร่วมมองอนาคตของเทคโนโลยีไปพร้อม ๆ กัน ว่าในระยะเวลาอันใกล้และไกลต่อแต่นี้จะสามารถยกระดับได้ขนาดไหน มีอะไรมาเซอร์ไพรส์ผู้ที่ข้องแวะในวงการนี้ได้อีก จากที่ได้บรรยายสรรพคุณมากมายว่าสิ่งนี้นั้นมีความดีความชอบอย่างไรบ้างต่ออุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ โดยเฉพาะวงการยานยนต์

ถ้ายังจำกันได้… เราเคยนำเสนอมุมมองต่อโลกอุตสาหรรมที่สื่อการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง “Forbes” (เทรนด์อุตสาหกรรม 2021 จากยุคเดิมสู่ อุตสาหกรรม 5.0 ผ่านมุมมองสื่อดัง Forbes) นั้นวิเคราะห์ออกมาแล้วว่าสิ่งหนึ่งที่จะเข้ามามีส่วนอย่างมากในช่วงเร็ว ๆ นี้ และทุกอุตสาหกรรมควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ คือการร่วมทำงานกับ “ปัญญาประดิษฐ์” ไม่ว่าจะเป็นการร่วมพัฒนาก็ดี หรือจะเลือกหยิบใช้ให้เข้ากับธุรกิจของตนก็ดี แต่คำว่า “ของมันต้องมี” อาจจะต้องขีดเส้นใต้เอาไว้เลย หากคุณต้องการพัฒนาธุรกิจของตนเอง..

ปัญญาประดิษฐ์

3 กำลังสำคัญแห่งอนาคต ที่เตรียมขับเคลื่อนไปพร้อมกับเทคโนโลยี CNC

ด้วยความที่เทคโนโลยี CNC นั้นพัฒนาต่อเนื่องแบบไม่มีหยุดหย่อน ทำให้แนวโน้มของหลายบริษัทนั้นเปลี่ยนไป รวมถึงการเปิดรับนวัตกรรมต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น แม้ทุกอย่างจะอยู่บนหลักการพื้นฐานของอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ดูเหมือนว่าเทรนด์ ณ ตอนนี้ ผู้ผลิตกำลังเร่งเสริมทัพด้วยการไล่ล่าเทคโนโลใหม่ ๆ มาเพิ่มศักยภาพให้กับโรงงานของตนเอง ดังเช่น 3 ปัจจัยหลักที่เราจะนำมาเล่าให้ฟังกันในวันนี้

วัสดุอุปกรณ์ชั้นสูง

นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับวัสดุอุปกรณ์ที่จะถูกปรับเข้ามาใช้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ บนเทรนด์โลกปัจจุบัน เพราะทุกอย่างนั้นหากแค่ฟังดูเผิน ๆ ดูเหมือนจะย้อนแย้งกันไปเสียหมด กล่าวคือ เราต้องการวัสดุที่พรีเมียมมากขึ้น แต่ต้องมีน้ำหนักเบา อยากได้ความล้ำสมัยแต่ก็ต้องสอดคล้องไปกับความ “รักษ์โลก” ตามนโยบายและข้อบังคับเฉพาะที่ถูกกำหนดขึ้นสำหรับการปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผลอันเนื่องมาจากอัตราการบริโภคทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง (สำหรับโรงกลึงพี-วัฒน์ของเราก็ใช้อุปกรณ์ชั้นสูง เครื่องจักรระดับไฮ-เอนด์ เหมือนกันนะ ^^)

ทั้งนี้ เพื่อผลิตยานพาหนะให้อยู่บนมาตรฐานข้อกำหนดต่าง ๆ แถมยังต้องรักษาประสิทธิภาพโดยรวมของการผลิต วัสดุพิเศษจะก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น อลูมิเนียม คอมโพสิตคาร์บอน-นาโน ใช้แทนส่วนประกอบต่าง ๆ ของบอดี้ ระบบขับเคลื่อน จนไปถึงช่วงล่างทั้งหมดของยานยนต์ ความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้น น้ำหนักเบาขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และความทนทานที่มากขึ้น ต่างเป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากเทคโนโลยีเหล่านี้ฟิวชั่นกันทั้งหมด

ปัญญาประดิษฐ์

เทคโนโลยี CNC สำหรับรถยนต์ไร้คนขับ

จริง ๆ นี่คงไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเชื่อว่าหลายคนน่าจะเห็นเทคโนโลยีมาหลายปีแล้ว ที่ชัดเจนสุดคงจะเป็น “เทสล่า” ของ “อีลอน มัสค์” แต่เอาเข้าจริงแวดวงนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้นเอง เพียงแต่ความสำเร็จของยอดนักธุรกิจจอมทวีตนั้นเสียงดังกว่าใคร ทำให้ดูเหมือนว่า เทสล่า ของเขาพร้อมเขย่าโลกอยู่ตลอดเวลา

เป้าหมายของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่อจากนี้ คือมุ่งเน้นสร้างนวัตกรรมการผลิตรถยนต์ที่สามารถขับเคลื่อนได้เองโดยไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับข้อมูลจากมนุษย์โดนสิ้นเชิง และก็อีกเช่นเคย… สิ่งที่จะสานฝันให้โปรเจกต์นี้เข้าใกล้ความเป็นจริงมากที่สุด ต่างก็มีคำว่า “CNC” เข้ามาเป็นตัวผสาน โดยคราวนี้จะเป็นการรวมพลังกับ “ปัญญาประดิษฐ์” ด้วย 2 กำลังสำคัญนี้เองทำให้อนาคตของยานยนต์อัตโนมัติเต็มรูปแบบเข้าใกล้ทุกคนมากกว่าที่คาดไว้พอสมควร

ปัญญาประดิษฐ์

เครื่อง CNC ในช่วงแรกเริ่มเดิมทีเลย ยังต้องอาศัยข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมคอยแก้ไขปัญหาและต้องมีการวินิจฉัยอย่างสม่ำเสมอ การเข้ามาของ “ปัญญาประดิษฐ์” สู่อุตสาหกรรมยานยนต์ทำให้ทุกอย่างถูกยกระดับขึ้น กลายเป็นว่าเครื่องจักรเหล่านี้สามารถวินิจฉัยพร้อมทั้งแก้ไขข้อบกพร่องได้ทันทีด้วยตนเอง ซึ่งการประหยัดเวลาการหยุดทำงานของเครื่องจักรสามารถนำไปต่อยอดกระบวนการอื่นอีกมากมาย

ส่วนอีกสิ่งที่น่าสนใจอย่างมาก คือการพิจารณาใช้ AI สำหรับผลิตยานยนต์คุณภาพสูงขึ้น โดยเทคโนโลยีนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และความสม่ำเสมอของ CNC Machining ได้มากกว่าที่เคยเป็น

ปัญญาประดิษฐ์

CNC Machining ตัวเลือกยืนหนึ่ง “ในอุดมคติ” ต้นแบบอุตสาหกรรมยานยนต์

ความพิเศษของเทคโนโลโยนี ยังคงเป็นตัวเลือกในอุดมคติลำดับต้น ๆ ของการสร้างต้นแบบอุตสาหกรรมยานยนต์ และมั่นใจได้เลยว่าจะคงอยู่ต่อไปอีกหลายต่อหลายปี นอกเหนือจาก 3 สิ่งที่เราได้กล่าวไว้เนื้อหาด้านบน ยังมีตัวเลือกอื่น ๆ ที่ผู้ประกอบการสามารถสำรวจตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าตนเองได้อย่างเหมาะเจาะ

เมื่อไรก็ตามที่ CNC Machining วิวัฒน์ร่วมกับ “ปัญญาประดิษฐ์” ได้แบบเต็มประสิทธิภาพ กระบวนผลิตยานยนต์จะพัฒนาแบบก้าวกระโดดอีกครั้ง จนถึงตอนนั้นโลกยุคใหม่แห่งอุตสาหกรรมน่าจะมีอะไรให้เราได้ศึกษาเพิ่มเติ่มเพื่อใช้สอยประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้กันอีกเยอะเลยทีเดียว

ขอบคุณสำหรับข้อมูลประกอบบทความดี ๆ จากเว็บ https://www.fastradius.com