CASE STUDY : โครงการระดับโลก ป้องกัน ฝุ่น PM2.5 ที่เราต้องเรียนรู้

ฝุ่น PM2.5

ฝุ่น PM2.5 คือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมโครเมตร ซึ่งเล็กกว่าเส้นผมของมนุษย์ถึง 25 เท่า ทำให้ขนจมูกไม่สามารถกรองได้ ทำให้สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเดินหายใจสู่ปอดและกระแสเลือดได้ง่าย ผลกระทบต่อสุขภาพของ PM2.5 นั้นมีความรุนแรง เนื่องจากสามารถก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว เช่น ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว

ปัญหาของเจ้าฝุ่นพิษนี้ เป็นปัญหาสาธารณสุขที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม โครงการและมาตรการต่าง ๆ ที่นานาประเทศได้นำมาใช้ในการรับมือและป้องกัน ฝุ่น PM2.5 นั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการศึกษา เพื่อนำมาปรับใช้กับประเทศอื่น ๆ ที่อาจจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อลดมลพิษทางอากาศและปกป้องสุขภาพของประชาชนในระยะยาว ซึ่งนับเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกคน รวมถึงต้องอาศัยแนวทางที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีฟอกอากาศ การเพิ่มพื้นที่สีเขียว พลังงานสะอาด และการควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษ และต่อไปนี้คือ สองประเทศที่นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในการพัฒนาโครงการเพื่อป้องกันฝุ่น PM2.5 ควรค่าแก่การนำมาศึกษา

ฝุ่น PM2.5
Designed by Freepik

ประเทศจีน กับการป้องกัน ฝุ่น PM2.5

ประเทศจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบปัญหามลพิษทางอากาศรุนแรงที่สุดในโลก โดยเฉพาะ ฝุ่น PM2.5 ที่มาจากภาคอุตสาหกรรม การขนส่ง และการเผาไหม้เชื้อเพลิง เพื่อแก้ไขปัญหานี้ รัฐบาลจีนได้ดำเนินโครงการและมาตรการหลายอย่างในการลดฝุ่นพิษอย่างจริงจัง

ประเทศจีนให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างจริงจัง และได้กำหนดมาตรการต่าง ๆ รวมถึงโครงการสำคัญมากมายเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ดังนี้

ควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษ

  • การจำกัดการใช้รถยนต์ ภาครัฐได้มีการออกมาตรการที่เข้มงวด หลายเมืองใหญ่ของจีน เช่น ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ได้จำกัดจำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนท้องถนน และส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์พลังงานสะอาดอื่น ๆ รวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่สะอาด และปลอดภัย มีการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน เพื่อช่วยลดการปล่อยฝุ่นออกสู่บรรยากาศ
  • การควบคุมโรงงานอุตสาหกรรม รัฐบาลจีนได้สั่งปิดโรงงานที่ปล่อยมลพิษสูง และกำหนดมาตรฐานการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดสำหรับโรงงานที่ยังเปิดดำเนินการอยู่
  • การจัดการปัญหาการเผาในที่โล่ง รัฐบาลจีนได้ออกกฎหมายห้ามการเผาในที่โล่ง และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการจัดการขยะและวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร

ส่งเสริมพลังงานสะอาด

  • การลงทุนในพลังงานทดแทน รัฐบาลจีนได้ลงทุนอย่างมากในพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล
  • การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในภาคอุตสาหกรรม รัฐบาลจีนได้ให้เงินอุดหนุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่โรงงานที่ใช้พลังงานสะอาด

พัฒนาระบบพยากรณ์คุณภาพอากาศ

  • การติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ รัฐบาลจีนได้ติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศทั่วประเทศ และเผยแพร่ข้อมูลคุณภาพอากาศให้ประชาชนได้รับทราบ
  • การพัฒนาระบบพยากรณ์คุณภาพอากาศที่มีความแม่นยำ นักวิทยาศาสตร์จีนได้พัฒนาแบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อพยากรณ์คุณภาพอากาศล่วงหน้า ทำให้ประชาชนสามารถเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ได้

สร้างความตระหนักและความเข้าใจ

  • การเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับฝุ่น PM2.5 รัฐบาลจีนได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายของฝุ่น PM2.5 และวิธีการป้องกันตนเองผ่านสื่อต่าง ๆ
  • การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน รัฐบาลจีนได้ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 เช่น การลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และการปลูกต้นไม้
  • ลงทุนในแคมเปญการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการป้องกัน ฝุ่น PM2.5 เช่น การใช้หน้ากากอนามัยในวันที่มีค่าฝุ่นสูง

ความร่วมมือระหว่างประเทศ

การร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน จีนได้ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ข้ามพรมแดน

ฝุ่น PM2.5
Designed by Freepik

ตัวอย่างโครงการที่สำคัญ

โครงการ Blue Sky Protection Plan (แผนปกป้องท้องฟ้าสีคราม)

โครงการ “Blue Sky” เป็นโครงการที่รัฐบาลจีนริเริ่มขึ้นเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศในเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2018 โดยมีเป้าหมายในการลดมลพิษทางอากาศอย่างเป็นระบบ โดยโครงการนี้ตั้งเป้าหมายไว้เพื่อ..

  1. จำกัดการใช้ถ่านหิน และเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด เช่น ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน
  2. ควบคุมการปล่อยมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม โดยใช้เทคโนโลยีกรองฝุ่นและกำหนดมาตรฐานเข้มงวดขึ้น
  3. ส่งเสริมการใช้พาหนะพลังงานสะอาด เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และการขยายโครงข่ายขนส่งสาธารณะ
  4. เพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง เพื่อลดการสะสมของฝุ่นและดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์

ซึ่งมีโครงการย่อยหรือ side-project ที่สำคัญในการทำให้บรรลุเป้าหมาย ดังต่อไปนี้

โครงการด้านเทคโนโลยี AI และ Big Data ตรวจจับมลพิษ

จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการใช้เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Big Data ในการตรวจสอบและวิเคราะห์ PM2.5 แบบเรียลไทม์ มาตรการสำคัญ ได้แก่..

  • ติดตั้งเซ็นเซอร์คุณภาพอากาศทั่วประเทศ เพื่อตรวจจับฝุ่น PM2.5 และแจ้งเตือนประชาชน
  • ใช้ AI คาดการณ์แนวโน้มมลพิษ และวิเคราะห์แหล่งที่มาของฝุ่น เพื่อออกมาตรการควบคุมล่วงหน้า
  • ระบบควบคุมการจราจรอัจฉริยะ เพื่อลดการปล่อยมลพิษจากยานพาหนะ

โครงการสร้าง “หอคอยฟอกอากาศ” ขนาดใหญ่

จีนได้พัฒนา หอคอยฟอกอากาศขนาดใหญ่ (Smog Tower) ในเมืองซีอาน ซึ่งเป็นโครงการทดลองที่ใช้เทคโนโลยีดูดซับฝุ่น PM2.5 และปล่อยอากาศบริสุทธิ์กลับสู่ชั้นบรรยากาศ หอคอยนี้สูงประมาณ 60 เมตร และใช้พลังงานแสงอาทิตย์ มีประสิทธิภาพสูงที่สามารถลดระดับ PM2.5 ได้มากถึง 15% ในบริเวณโดยรอบ และมีแผนขยายโครงการไปยังเมืองใหญ่อื่น ๆ เช่น ปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้

โครงการควบคุมการเผาในที่โล่งและมลพิษจากภาคเกษตร

หนึ่งในสาเหตุหลักของ ฝุ่น PM2.5 ในจีนมาจาก การเผาพืชไร่และฟางข้าว โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท รัฐบาลจีนได้ดำเนินมาตรการเข้มงวด 3 มาตรการสำคัญคือ..

  1. ห้ามเผาในที่โล่ง และกำหนดค่าปรับสูงสำหรับผู้ฝ่าฝืน
  2. ส่งเสริมเทคโนโลยีทางเลือก เช่น การนำฟางข้าวไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ
  3. ใช้โดรนและดาวเทียม เพื่อตรวจจับจุดเผาไหม้และดำเนินมาตรการควบคุมอย่างทันท่วงที

โครงการปลูกต้นไม้เพื่อลดมลพิษและขยายพื้นที่ป่า

จีนเป็นประเทศที่มีการปลูกป่ามากที่สุดในโลก เพื่อช่วยดูดซับมลพิษทางอากาศและฝุ่น PM2.5

  • โครงการย่อย “Great Green Wall” ซึ่งเป็นการปลูกป่าในพื้นที่ทะเลทรายโกบีเพื่อลดพายุฝุ่นและมลพิษ
  • ขยายพื้นที่สีเขียวในเมืองใหญ่ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกวางโจว
  • การใช้ “ป่าดาดฟ้า” บนอาคารสูง เพื่อช่วยฟอกอากาศในเขตเมือง

ความพยายามของจีนในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้ส่งผลให้คุณภาพอากาศในหลายเมืองใหญ่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม ปัญหาฝุ่น PM2.5 ยังคงเป็นความท้าทายที่จีนต้องเผชิญต่อไป จีนได้ดำเนินมาตรการป้องกันฝุ่นพิษ PM2.5 อย่างเป็นระบบ โดยใช้ทั้ง นโยบายรัฐ เทคโนโลยี AI การฟอกอากาศ และการปลูกป่า ส่งผลให้คุณภาพอากาศในเมืองใหญ่ เช่น ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งมาตรการและโครงการเหล่านี้เป็นตัวอย่างสำคัญที่ประเทศอื่น ๆ สามารถนำไปปรับใช้ เพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศและสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นในระยะยาว

บิ๊กยุโรป เยอรมนี กับโครงการในการป้องกัน ฝุ่น PM2.5

แน่นอนครับ ประเทศเยอรมนีมีโครงการและมาตรการหลายอย่างที่มุ่งเน้นการป้องกันและลดปัญหา ฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่กว้างขึ้นในการจัดการมลพิษทางอากาศ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน

รู้ไหมครับว่า.. เยอรมนีเป็นหนึ่งในประเทศที่มีมาตรการเข้มงวดในการควบคุมมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นปัญหาหลักในเมืองใหญ่และเขตอุตสาหกรรม รัฐบาลเยอรมันได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อ ลดและป้องกัน PM2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

การควบคุมการปล่อยมลพิษจากยานพาหนะ

เยอรมนีมีมาตรฐานที่เข้มงวดในการควบคุมการปล่อยมลพิษจากรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ดีเซล ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของฝุ่น PM2.5 และแน่นอนว่ามีการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์พลังงานทางเลือกอื่น ๆ เพื่อลดการปล่อยมลพิษ ที่สำคัญที่สุดรัฐบาลประกาศให้มีการกำหนดเขต Low Emission Zones ในหลายเมือง ซึ่งจำกัดการเข้าถึงของรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษสูง

การควบคุมมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม

รัฐบาลออกกฎหมายและข้อบังคับที่เข้มงวดในการควบคุมการปล่อยมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม มีการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่สะอาดและมีประสิทธิภาพในการผลิต รวมทั้งมีการตรวจสอบและติดตามการปล่อยมลพิษอย่างสม่ำเสมอ

การส่งเสริมพลังงานสะอาด

เยอรมนีมีการลงทุนอย่างมากในพลังงานทดแทน เช่น พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ และตั้งเป้าหมายที่จะลดการใช้พลังงานจากถ่านหินและพลังงานนิวเคลียร์ มีการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน

การจัดการปัญหาการเผาในที่โล่ง

กฎหมายห้ามการเผาในที่โล่ง ยกเว้นในบางกรณีที่ได้รับอนุญาต มีการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการจัดการขยะและวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร

การพัฒนาระบบพยากรณ์คุณภาพอากาศ

ข้อนี้เป็นโครงการที่โดดเด่น เพราะเยอรมนีเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญการการพัฒนาระบบพยากรณ์คุณภาพอากาศที่มีความแม่นยำและสามารถแจ้งเตือนประชาชนได้อย่างทันท่วงที ข้อมูลคุณภาพอากาศจะเผยแพร่ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และป้ายเตือนในเมือง

การสร้างความตระหนักและความเข้าใจ

รัฐบาลเยอรมนีให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักและความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาฝุ่น PM2.5 ให้กับประชาชน มีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายของฝุ่น PM2.5 และวิธีการป้องกันตนเองผ่านสื่อต่างๆ

ความร่วมมือระหว่างประเทศ

เยอรมนีมีความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ข้ามพรมแดน มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเทคโนโลยีกับประเทศอื่นๆ ในการจัดการมลพิษทางอากาศ

ฝุ่น PM2.5
Designed by Freepik

ตัวอย่างโครงการที่สำคัญ

โครงการ Clean Air Programme for Europe

โครงการ “Clean Air Programme” เป็นโครงการที่รัฐบาลเยอรมนีริเริ่มขึ้นเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศในเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งริเริ่มโดยสหภาพยุโรป (EU) เป้าหมายหลักคือการลดมลพิษทางอากาศโดยมีมาตรการสำคัญ เช่น

  • กำหนดมาตรฐานการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดขึ้น สำหรับภาคอุตสาหกรรมและยานพาหนะ
  • ควบคุมปริมาณฝุ่น PM2.5 โดยใช้เทคโนโลยีดักจับมลพิษในโรงงาน
  • ส่งเสริมพลังงานสะอาด และลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

Low Emission Zones (LEZs) – เขตปลอดมลพิษ

เยอรมนีเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่นำแนวคิด “Low Emission Zones (LEZs)” หรือเขตปลอดมลพิษมาใช้ในเมืองใหญ่ เช่น เบอร์ลิน มิวนิก และฮัมบูร์ก

  • ห้ามรถยนต์ดีเซลเก่าที่ปล่อยมลพิษสูงเข้าเขตเมือง เพื่อลดฝุ่น PM2.5
  • ติดตั้งเครื่องตรวจจับมลพิษและระบบกล้องอัจฉริยะ เพื่อควบคุมการเข้าออกของยานพาหนะ
  • สนับสนุนให้ประชาชนใช้ขนส่งสาธารณะและจักรยาน แทนการใช้รถยนต์ส่วนตัว

โครงการ Green City Plan – เมืองสีเขียวเพื่อลด PM2.5

รัฐบาลเยอรมันได้พัฒนา “Green City Plan” ในหลายเมืองเพื่อปรับโครงสร้างเมืองให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดมลพิษทางอากาศ และลดฝุ่นพิษ PM2.5

  • เพิ่มพื้นที่สีเขียวและป่าในเมือง เพื่อช่วยดูดซับมลพิษ
  • ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในพื้นที่สาธารณะ เช่น สถานีขนส่งและถนนสายหลัก
  • พัฒนาทางเดินเท้าและเลนจักรยาน เพื่อลดการใช้รถยนต์

การสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และระบบขนส่งสาธารณะ

เยอรมนีเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก และมีโครงการส่งเสริมการใช้ รถยนต์พลังงานสะอาด เพื่อลดฝุ่น PM2.5

  • สนับสนุนการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยมอบเงินอุดหนุนให้ประชาชนที่เปลี่ยนมาใช้รถยนต์พลังงานสะอาด
  • เพิ่มสถานีชาร์จ EV ทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน
  • พัฒนาและปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟพลังงานไฮโดรเจนและรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า

มาตรการควบคุมมลพิษจากภาคอุตสาหกรรม

เยอรมนีมีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดฝุ่น PM2.5 ที่สำคัญ รัฐบาลได้กำหนดมาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมมลพิษ เช่น

  • บังคับใช้เทคโนโลยีดักจับฝุ่นและมลพิษในโรงงาน
  • กำหนดเพดานการปล่อยมลพิษ สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
  • ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน เพื่อลดการใช้ถ่านหินและน้ำมันดีเซล

โครงการป่าไม้ในเมือง – Urban Forest Initiative

โครงการนี้เป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมืองใหญ่ของเยอรมนี เช่น ฮัมบูร์กและแฟรงก์เฟิร์ต

  • ปลูกต้นไม้และป่าเมือง เพื่อลดมลพิษและเพิ่มออกซิเจน
  • พัฒนา “หลังคาสีเขียว” และสวนแนวตั้ง บนอาคารสูงเพื่อช่วยฟอกอากาศ
  • ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้ และดูแลพื้นที่สีเขียว

เยอรมนีเป็นอีกหนึ่งในประเทศที่มีแนวทาง ป้องกัน ฝุ่น PM2.5 อย่างครอบคลุม โดยใช้ เทคโนโลยี นโยบายสิ่งแวดล้อม และการปรับปรุงโครงสร้างเมือง โครงการเหล่านี้ช่วยให้คุณภาพอากาศในเมืองใหญ่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับประเทศอื่น ๆ ในการจัดการมลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืน

ฝุ่น PM2.5
Designed by Freepik

แนวทางของประเทศไทย ที่ทำได้เพียงแค่ป้องกัน เท่านั้นหรือ ..?

ฝุ่น PM2.5 เป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง ณ วันนี้ยังไม่มีโครงการที่ชัดเจนออกมาสำหรับประเทศไทย เราจึงทำได้เพียงแค่การขอความร่วมมือและป้องกัน ลดการสัมผัสฝุ่นพิษ มุ่งให้ความรู้ในภาคประชาชน และขอความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม โรงงาน โรงกลึง จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยทุกคนควรช่วยกันลดมลพิษ และติดตามค่าฝุ่นอย่างสม่ำเสมอ ปฏิบัติตามมาตรฐานการป้องกัน เพื่อรักษาสุขภาพของตนเองและคนรอบข้าง โดยมีแนวทางที่ควรปฏิบัติดังนี้

  1. สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น เช่น หน้ากาก N95 เมื่อต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูง
  2. ใช้เครื่องฟอกอากาศ ภายในบ้านหรือที่ทำงานเพื่อลดปริมาณฝุ่น
  3. ติดตามคุณภาพอากาศ ผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์รายงานค่าฝุ่น PM2.5
  4. ลดกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเฉพาะในช่วงที่ค่าฝุ่นสูง
  5. สนับสนุนการลดมลพิษ เช่น ใช้ขนส่งสาธารณะ ลดการเผาไหม้ และปลูกต้นไม้เพิ่ม

Cover designed by Freepik

แจ้งวันหยุดโรงกลึงพีวัฒน์ เทศกาลปีใหม่ 2568

วันปีใหม่ 2568

โรงกลึงพีวัฒน์ ขอแจ้งวันหยุดเนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2568 ตั้งแต่ วันที่ 30 ธ.ค. 67 ถึง 3 ม.ค. 68

⚙️🎇คุณลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด หรือขอใบเสนอราคาแก่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้ผ่านช่องทางติดต่อหลัก LINE Official Account หรือผ่านทางเว็บไซต์ pwat.co.th แอดมินจะรีบติดต่อกลับโดยเร็วเมื่อโรงกลึงกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งหลังวันหยุด

📲LINE Official Account : https://lin.ee/LHG3beE

📞โทร : 086-359-1411, 086-328-7916

💻 ขอใบเสนอราคาออนไลน์ได้ที่ https://pwat.co.th/#req-quote-online

💡โรงกลึงพี-วัฒน์ ให้บริการด้านนวัตกรรมและโซลูชันอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน

💡ผลิตชิ้นงานตามแบบ ชิ้นส่วนอะไหล่อุตสาหกรรม

💡เครื่องจักรกลและชิ้นส่วนโรบอท

💡ชิ้นส่วนยานยนต์ อะไหล่แต่งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์

💡งานเชื่อมตามแบบ

💡จิ๊กและฟิกซ์เจอร์

#รับกลึงงาน #โรงกลึง #เครื่องCNC #เชื่อมประกอบ #จิ๊กและฟิกซ์เจอร์

แจ้งวันหยุดโรงกลึงพีวัฒน์ วันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2567

วันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2567

โรงกลึงพี-วัฒน์ ขอแจ้งวันหยุดเดือนธันวาคม 2567 วันพฤหัสบดีที่ 5 ธ.ค. เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ และจะกลับมาให้บริการลูกค้าทุกท่านอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 6 ธ.ค. 2567

⚙️🎇คุณลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด หรือขอใบเสนอราคาแก่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้ผ่านช่องทางติดต่อหลัก LINE Official Account แอดมินจะรับติดต่อกลับโดยเร็วเมื่อโรงกลึงกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งหลังวันหยุด

📲LINE Official Account : https://lin.ee/LHG3beE

📞โทร : 086-359-1411, 086-328-7916

💻 ขอใบเสนอราคาออนไลน์ได้ที่ https://pwat.co.th/#req-quote-online

💡โรงกลึงพี-วัฒน์ ให้บริการด้านนวัตกรรมและโซลูชันอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน

💡ผลิตชิ้นงานตามแบบ ชิ้นส่วนอะไหล่อุตสาหกรรม

💡เครื่องจักรกลและชิ้นส่วนโรบอท

💡ชิ้นส่วนยานยนต์ อะไหล่แต่งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์

💡งานเชื่อมตามแบบ

💡จิ๊กและฟิกซ์เจอร์

#รับกลึงงาน #โรงกลึง #เครื่องCNC #เชื่อมประกอบ #จิ๊กและฟิกซ์เจอร์

ทำไม ? Gigafactory โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ถึงเป็นผู้นำแห่งเทคโนโลยี

โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

ในวงการอุตสาหกรรมทุกวันนี้ คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ หากบอกว่า.. เทสลาเป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างครอบคลุมที่สุด และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ที่มาพร้อมกับความแม่นยำในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าได้เป็นอันดับต้นๆ ของโลก ผลผลิตอันแสนวิเศษเหล่านั้น คลอดออกมาอย่างตั้งใจจาก โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Gigafactory วันนี้เราจะมาดูกันว่าโรงงานระดับโลกที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อน มีแนวคิดและให้ความสำคัญกับอะไร รวมไปถึง AI ที่เทสลาใช้จนจบกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งรถ 1 คัน มีบทบาทสำคัญในขั้นตอนอะไรบ้าง ..ไปดูกัน

AI หุ่นยนต์อุตสาหกรรม ตัวเอกของกระบวนการ

เทสลาได้นำ AI มาประยุกต์ใช้ในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต เพื่อสร้างโรงงานอัจฉริยะที่สามารถผลิตยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เทคโนโลยี AI เหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เทสลาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้บริษัทอื่นๆ แน่นอน.. รวมถึงโรงกลึงพี-วัฒน์ของเรา มรากำลังเฝ้าติดตามข่าวสารโรงงานอุตสาหกรรมอัจฉริยะอยู่เรื่อยๆ เพื่อเตรียมรับมือในอนาคต และแนวทางในการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมของเราอีกด้วย

หุ่นยนต์ที่ควบคุมด้วย AI เหล่านี้ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยใช้ AI ในการวางแผนการเคลื่อนไหว การควบคุมแรง และการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง มิหนำซ้ำยิ่งเหนือชั้นขึ้นไปอีก คือหุ่นยนต์สามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ได้โดยการสังเกตการทำงานของมนุษย์ ทำให้สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น

โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
Credit : https://www.tesla.com

หุ่นยนต์ที่ควบคุมด้วย AI ใน Gigafactory ทำอะไรบ้าง ?

การวางแผนการผลิต

AI ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เช่น ยอดขาย ประวัติการสั่งซื้อ และปัจจัยภายนอก เพื่อทำนายความต้องการของตลาด และวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการ และช่วยในการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การลดเวลาในการผลิต การลดปริมาณวัสดุสิ้นเปลือง และการลดต้นทุนการผลิต

การประกอบแบตเตอรี่

หุ่นยนต์ที่ควบคุมด้วย AI ทำการประกอบเซลล์แบตเตอรี่เป็นโมดูล และประกอบโมดูลเข้าด้วยกันเป็นแพ็คแบตเตอรี่

การทดสอบสมรรถนะของแบตเตอรี่

ระบบวิสัยทัศน์ด้วยคอมพิวเตอร์ตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบตเตอรี่ และวัดประสิทธิภาพการทำงาน

การควบคุมหุ่นยนต์ในการพ่นสี

หุ่นยนต์ใช้ AI ในการควบคุมการเคลื่อนไหวของแขนกลเพื่อพ่นสีรถยนต์ได้อย่างแม่นยำและสม่ำเสมอ

การตรวจสอบคุณภาพ

การตรวจสอบคุณภาพผ่านระบบวิสัยทัศน์ด้วย AI นำมาใช้ในการตรวจสอบคุณภาพของชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย ด้วยความแม่นยำสูงและรวดเร็วกว่าการตรวจสอบด้วยสายตาของมนุษย์ ระบบนี้ยังสามารถตรวจจับข้อบกพร่องหรือความผิดพลาดในการผลิตได้อย่างรวดเร็ว และส่งสัญญาณเตือนให้แก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที

การบำรุงรักษา

AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อ “คาดการณ์” ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องจักร และส่งสัญญาณเตือนให้ช่างสามารถวางแผนการบำรุงรักษาได้อย่างเหมาะสม และเข้าไปแก้ไขได้ก่อนที่ปัญหาจะรุนแรงขึ้น

การเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องจักร: การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ช่วยลดความเสี่ยงของการหยุดชะงักในการผลิต และเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องจักร

โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
Credit : https://www.tesla.com
การโต้ตอบกับมนุษย์

AI สามารถเข้าใจภาษาที่มนุษย์พูดหรือพิมพ์ และตอบสนองได้อย่างถูกต้อง ทำให้การสื่อสารระหว่างมนุษย์กับระบบอัตโนมัติเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น หุ่นยนต์ที่เราเห็นบ่อยๆ คือ Optimus ซึ่งเทสลาได้พัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ Optimus ที่ใช้ AI ในการควบคุมการเคลื่อนไหว การมองเห็น และการตัดสินใจ หุ่นยนต์เหล่านี้มีศักยภาพในการทำงานร่วมกับมนุษย์ในงานที่หลากหลายภายในโรงงาน

มีการปรับปรุงกระบวนการผลิต

AI สามารถเรียนรู้จากการกระทำและผลลัพธ์ที่ได้ ทำให้สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การหาเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับหุ่นยนต์ในการเคลื่อนที่ หรือการปรับพารามิเตอร์ของเครื่องจักรให้เหมาะสมกับงานที่ทำ

การออกแบบผลิตภัณฑ์

AI สามารถสร้างแบบจำลอง 3 มิติของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้นักออกแบบสามารถทดลองและปรับปรุงดีไซน์ได้อย่างง่ายดาย

การสร้างสรรค์เนื้อหา

AI สามารถสร้างภาพ สร้างวิดีโอ หรือสร้างข้อความเพื่อใช้ในการสื่อสารและการตลาดได้

เห็นได้ชัดว่าประโยชน์ที่เทสลาได้รับจากการนำ AI มาใช้ คือเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และลดระยะเวลาในการผลิต เพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์มีความสม่ำเสมอและมีคุณภาพสูงขึ้น และมีความยืดหยุ่นในการผลิตสูง สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลง และแน่นอนคือด้านความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานของมนุษย์

โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
Credit : https://www.tesla.com

เทสลาให้ความสำคัญกับอะไร ?

เรารู้กันดีว่า Gigafactory ขอเทสลา สามารถผลิตยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตที่ทันสมัยมาใช้หลายอย่างตามที่กล่าวไปเเล้ว นอกจากนี้ Gigafactory ยังรวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลจากกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพของชิ้นส่วน ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเครื่องจักร และข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของหุ่นยนต์ ข้อมูลเหล่านี้ถูกนำมาวิเคราะห์โดย AI เพื่อหารูปแบบและแนวโน้มต่างๆ ซึ่งจะช่วยในการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เทสลาใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของ AI ที่ช่วยให้ระบบสามารถเรียนรู้จากข้อมูลได้ด้วยตนเอง ที่สำคัญมีการลงทุนด้าน R&D อยู่ตลอดเวลา เทสลาลงทุนอย่างมากในการวิจัยและพัฒนาระบบ AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเรียนรู้ของเครื่องจักรและวิสัยทัศน์คอมพิวเตอร์

สุดท้ายการลงทุนกับคนก็เป็นเรื่องที่องค์กรสมัยใหม่ยังคงต้องให้ความสำคัญที่สุด แม้ AI จะทำงานบางอย่างแทนคนได้แล้วก็ตาม เทสลารวบรวมนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรระดับหัวกะทิที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI มาทำงานร่วมกัน เพื่อพัฒนาระบบ AI ให้มีความสามารถสูงสุด

จุดเด่นของ Gigafactory

  • การผลิตในปริมาณมาก Gigafactory สามารถผลิตแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้าได้ในปริมาณมาก ช่วยลดต้นทุนการผลิตและทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
  • เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย Gigafactory ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย เช่น หุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระบบอัตโนมัติ และปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
  • การออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Gigafactory ถูกออกแบบมาให้ใช้พลังงานหมุนเวียน และมีการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ
  • Gigafactory ของ Tesla มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่การใช้พลังงานสะอาด และเป็นตัวอย่างของการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน
  • การพัฒนา AI ใน Gigafactory มีผลกระทบต่อตลาดแรงงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ โดยมีทั้งผลกระทบในแง่บวกและแง่ลบ ดังนี้

อัจฉริยะแค่ไหน แค่เหรียญย่อมมีสองด้าน

แน่นอนว่าความล้ำสมัยสุดขั้วของ โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Gigafactory ของเทสลาย้อมต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสีย และผลกระทบที่เกิดกับสภาพแวดล้อม อย่างที่คำพูดคุ้นหูจากยุคสมัยของการตื่นรู้ในอดีต ที่กล่าวว่า “การเกิดขึ้นของนวัตกรรมใหม่ๆ ต้องแลกมาด้วยความเสียสละอันยิ่งใหญ่”

โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
Credit : https://www.tesla.com

ผลกระทบในแง่ลบ

  • การลดจำนวนพนักงาน: เนื่องจาก AI เข้ามาแทนที่งานที่ซ้ำซากและอันตราย ทำให้จำนวนพนักงานในสายการผลิตอาจลดลงได้
  • การเปลี่ยนแปลงทักษะที่ต้องการ: พนักงานจะต้องมีทักษะที่สูงขึ้นในการทำงานร่วมกับ AI เช่น การเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ข้อมูล และการแก้ไขปัญหา ซึ่งอาจทำให้พนักงานบางส่วนต้องปรับตัวหรือฝึกอบรมเพิ่มเติม

ผลกระทบในแง่บวก

  • การสร้างงานใหม่: การพัฒนา AI จะสร้างงานใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา AI การบำรุงรักษาระบบ AI และการวิเคราะห์ข้อมูล
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: AI ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องทำงานที่ซ้ำซากจำเจ ทำให้พนักงานมีเวลาในการทำงานที่สร้างสรรค์มากขึ้น
  • การปรับปรุงสภาพการทำงาน: AI ช่วยลดงานที่เสี่ยงอันตราย ทำให้สภาพการทำงานของพนักงานปลอดภัยมากขึ้น

แม้การพัฒนา AI ใน Gigafactory จะส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของงานที่ถูกแทนที่ ความเร็วในการพัฒนา AI และนโยบายของรัฐบาลในการรองรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้

Credits : https://www.tesla.com

แจ้งวันหยุดโรงกลึงพีวัฒน์ วันแม่แห่งชาติ 12 ส.ค. 2567

วันแม่แห่งชาติ

โรงกลึงพี-วัฒน์ ขอแจ้งวันหยุดเดือน ส.ค. 2567 วันจันทร์ที่ 12 ส.ค. เนื่องในวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง หรือ วันแม่แห่งชาติ และจะกลับมาให้บริการลูกค้าทุกท่านอีกครั้งในวันอังคารที่ 13 ส.ค. 2567

⚙️🎇คุณลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด หรือขอใบเสนอราคาแก่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้ผ่านช่องทางติดต่อหลัก LINE Official Account แอดมินจะรับติดต่อกลับโดยเร็วเมื่อโรงกลึงกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งหลังวันหยุด

📲LINE Official Account : https://lin.ee/LHG3beE

📞โทร : 086-359-1411, 086-328-7916

💻 ขอใบเสนอราคาออนไลน์ได้ที่ https://pwat.co.th/#req-quote-online

💡โรงกลึงพี-วัฒน์ ให้บริการด้านนวัตกรรมและโซลูชันอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน

💡ผลิตชิ้นงานตามแบบ ชิ้นส่วนอะไหล่อุตสาหกรรม

💡เครื่องจักรกลและชิ้นส่วนโรบอท

💡ชิ้นส่วนยานยนต์ อะไหล่แต่งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์

💡งานเชื่อมตามแบบ

💡จิ๊กและฟิกซ์เจอร์

#รับกลึงงาน #โรงกลึง #เครื่องCNC #เชื่อมประกอบ #จิ๊กและฟิกซ์เจอร์

Cover Image : Image by freepik

CNC is everywhere. “เทคโนโลยี CNC” ตัวเต็งแชมป์ โอลิมปิก 2024

โอลิมปิก 2024

เรามาหักมุมกันซักหน่อย กับการพูดถึงงานกีฬาระดับโลกที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างเมามันส์ และมีประเทศตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันทั่วโลก ใช่แล้ว ! โอลิมปิก 2024 หรือ ปารีสเกมส์ 2024 ซึ่งเป็นการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งที่ 33 จัดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ซึ่งไฮไลท์เด่น ๆ และความน่าสนใจก็หนีไม่พ้นเรื่อง “การกลับมาของปารีส” เพราะปารีสเคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกมาแล้วสองครั้ง คือในปี 1900 และ 1924 การกลับมาเป็นเจ้าภาพอีกครั้งในปี 2024 จึงถือเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีพอดิบพอดี ของการจัดการแข่งขันโอลิมปิกที่ปารีส และครั้งนี้เจ้าภาพก็ให้ความสำคัญกับความรักษ์โลกแบบยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาด การลดขยะ และการนำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ และสิ่งที่ขาดไปไม่ได้กับโลกในทุกวันนี้ ที่ให้ความสำคัญกับพลังของเทคโนโลยีเป็นลำดับแรก การแข่งขันครั้งนี้จึงมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการจัดการแข่งขัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ให้กับนักกีฬาและผู้ชม ที่เห็นกันอย่างจับต้องได้เลยคือ การถ่ายทอดสดระดับ 8K ได้ถูกนำมาใช้ ให้ผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์การชมกีฬาที่คมชัดและสมจริงยิ่งขึ้น ..ขาดไม่ได้และแน่นอนที่สุด พระเอกของเทคโนโลยีที่อินเทรนด์ที่สุด AI (ปัญญาประดิษฐ์) ที่นำมาเพื่อวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของนักกีฬา AI จะช่วยวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของนักกีฬาแบบเรียลไทม์ เพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงลึกและสถิติต่างๆ ให้กับผู้ชม และสร้างภาพ 3 มิติของการแข่งขันแบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้ชมสามารถมองเห็นมุมมองที่แตกต่างและเข้าใจการแข่งขันได้ดีขึ้น ตลอดไปจนการบริหารจัดการและประเมินผล Big Data ด้วยการโชว์การวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อคาดการณ์ผลการแข่งขัน ที่อาจช่วยให้ผู้ชมได้อรรถรสในการชมมากขึ้น

เอ๊ะ !? แล้วมันเกี่ยวกันยังไงกับงานกลึง หรือโรงกลึงที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา ..แน่นอนเมื่อมีเทคโนโลยีดิจิตัล และ AI ต่างๆ ที่กล่าวมา มาช่วยยกระดับสภาพแวดล้อมของการจัดการแข่งขันแล้ว เทคโนโลยี CNC นี่เองที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับตัวผู้แข่งขันหรือนักกีฬาด้วยเช่นกัน ด้านของการสร้างอุปกรณ์กีฬา เครื่องออกกำลังกาย เครื่องวอร์มอัพนักกีฬา เครื่องมือด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา และแมชชีนต่างๆ ที่ใช้สนับสนุนงานด้านการพัฒนานักกีฬา คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่า งาน CNC ในวงการกีฬานั้นจริงจังไม่แพ้ภาคอุตสาหกรรม ความแม่นยำต้องสูง คุณภาพต้องเป๊ะ วัสดุต้องเหมาะสมกับการใช้งาน ใช่แล้ว.. คุณกำลังมาถึงตรงนี้ ตรงที่กำลังจะเปิดโลกของธุรกิจงานกลึง ว่าสามารถไต่ระดับไปถึงวงการกีฬาระดับโลกอย่างโอลิมปิกได้ด้วย !

อุปกรณ์กีฬาใน โอลิมปิก 2024

ทำไมต้องใช้ CNC กับอุปกรณ์กีฬาใน โอลิมปิก 2024 ?

  1. ความแม่นยำสูง ช่วยให้ผลิตชิ้นส่วนที่มีความละเอียดและเที่ยงตรง
  2. รูปทรงซับซ้อน สามารถสร้างชิ้นส่วนที่มีรูปทรงที่ซับซ้อนและไม่สามารถผลิตได้ด้วยวิธีอื่น
  3. น้ำหนักเบา สามารถลดน้ำหนักของอุปกรณ์กีฬาโดยไม่ลดทอนความแข็งแรง
  4. ปรับแต่งได้ สามารถปรับเปลี่ยนดีไซน์และฟังก์ชันของชิ้นส่วนได้ตามต้องการ
  5. ผลิตจำนวนมากได้อย่างสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับการผลิตอุปกรณ์กีฬาจำนวนมากที่มีคุณภาพเท่ากัน

งานกลึง CNC มีบทบาทสำคัญในการผลิตอุปกรณ์กีฬาสมัยใหม่ โดยช่วยให้สามารถสร้างอุปกรณ์กีฬาที่มีประสิทธิภาพสูง น้ำหนักเบา และมีดีไซน์ที่สวยงาม ซึ่งส่งผลให้ประสบการณ์ในการเล่นกีฬาของนักกีฬาดีขึ้นอย่างมาก

โอลิมปิก 2024
Image by freepik

ตัวอย่างอุปกรณ์กีฬาที่อาจเกี่ยวข้องกับงานกลึง CNC

  • จักรยาน เฟรมจักรยาน, ดุมล้อ, ส้อมหน้า, และชิ้นส่วนอื่นๆ มักผลิตด้วยงานกลึง CNC เพื่อให้ได้น้ำหนักเบา ความแข็งแรง และความแม่นยำ
  • ไม้กอล์ฟ หัวไม้กอล์ฟ, แกนเหล็ก, และชิ้นส่วนอื่นๆ มักใช้กระบวนการกลึง CNC เพื่อให้ได้รูปทรงที่เหมาะสมและประสิทธิภาพในการตี
  • อุปกรณ์ยกน้ำหนัก บาร์เบล, ดัมเบล, และแผ่นน้ำหนัก มักผลิตด้วยงานกลึง CNC เพื่อให้ได้ความแข็งแรงและความทนทาน
  • อุปกรณ์กีฬาทางน้ำ บางส่วนของเรือใบ, สกีน้ำ, หรืออุปกรณ์ดำน้ำ อาจมีการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตด้วยงานกลึง CNC
  • อุปกรณ์กีฬาอื่นๆ เช่น
  • อุปกรณ์กีฬาเอ็กซ์ตรีมอย่าง สเก็ตบอร์ด, สกู๊ตเตอร์, และจักรยาน BMX, สกี และสโนว์บอร์ด เป็นต้น

วัสดุยอดนิยมสำหรับงานกลึง CNC ในอุปกรณ์กีฬา

การเลือกใช้วัสดุในการผลิตอุปกรณ์กีฬาที่ใช้เทคโนโลยี CNC นั้น ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติที่ต้องการของชิ้นส่วนนั้นๆ เช่น ความแข็งแรง น้ำหนักต้องเบา ความทนทานต่อการสึกหรอ และความสวยงาม ผู้ผลิตจะต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติที่ต้องการของชิ้นส่วน งบประมาณ และกระบวนการผลิต เพื่อให้ได้อุปกรณ์กีฬาที่มีประสิทธิภาพสูงและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้ดีที่สุด วัสดุที่นิยมใช้กันทั่วไป ได้แก่

โลหะ

  • อลูมิเนียม เป็นวัสดุที่นิยมใช้มากที่สุดชนิดหนึ่งในอุตสาหกรรมกีฬา เนื่องจากมีน้ำหนักเบา แข็งแรง ทนต่อการกัดกร่อน และสามารถขึ้นรูปได้ง่าย เหมาะสำหรับผลิตชิ้นส่วนต่างๆ เช่น เฟรมจักรยาน, ดุมล้อ, และส่วนประกอบของอุปกรณ์ยกน้ำหนัก
  • เหล็กกล้าไร้สนิม มีความแข็งแรงสูง ทนทานต่อการกัดกร่อน และมีความสวยงาม เหมาะสำหรับผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความแข็งแรงทนทาน เช่น บาร์เบล, ดัมเบล, และชิ้นส่วนของอุปกรณ์ออกกำลังกาย
  • ไทเทเนียม มีน้ำหนักเบา แข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อน และมีความต้านทานต่อความร้อนสูง เหมาะสำหรับผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความแข็งแรงและน้ำหนักเบา เช่น เฟรมจักรยานระดับไฮเอนด์ และอุปกรณ์กีฬาทางน้ำ
โอลิมปิก 2024
Image by freepik

พลาสติก

  • โพลีอะไมด์ (Nylon) มีความแข็งแรง ทนทานต่อการสึกหรอ และทนต่อสารเคมี เหมาะสำหรับผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความทนทานต่อแรงกระแทก เช่น ด้ามจับของอุปกรณ์ออกกำลังกาย
  • อะคริลิค มีความใส ทนทานต่อรอยขีดข่วน และมีความสวยงาม เหมาะสำหรับผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความโปร่งใส เช่น หน้ากากดำน้ำ หรือส่วนประกอบของอุปกรณ์ป้องกัน
  • พีอีที (PET) มีความแข็งแรง ทนทานต่อความร้อน และมีความโปร่งใส เหมาะสำหรับผลิตขวดน้ำสำหรับกีฬา และบรรจุภัณฑ์สำหรับอุปกรณ์กีฬา

วัสดุคอมโพสิต

  • คาร์บอนไฟเบอร์ มีน้ำหนักเบา แข็งแรง และมีความแข็งแรงสูงต่อน้ำหนัก เหมาะสำหรับผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความแข็งแรงและน้ำหนักเบา เช่น เฟรมจักรยานระดับไฮเอนด์ ไม้กอล์ฟ และอุปกรณ์กีฬาทางน้ำ

ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกวัสดุ

  1. คุณสมบัติของชิ้นส่วน: ความแข็งแรง น้ำหนัก ความทนทาน ความสวยงาม และความปลอดภัย
  2. กระบวนการผลิต: วัสดุบางชนิดอาจต้องการกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
  3. งบประมาณ: ราคาของวัสดุแต่ละชนิดแตกต่างกันออกไป

เทคโนโลยีใดบ้างที่เกี่ยวข้อง ?

เทคโนโลยีที่ช่วยพัฒนางานกลึง CNC ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้นมีหลากหลายอย่าง และยังคงพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง โดยเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยทั้งในด้านความเร็ว ความแม่นยำ คุณภาพของชิ้นงาน และการลดต้นทุนการผลิต ได้แก่

  • เครื่องมือตัดเฉือนขั้นสูง เครื่องมือตัดเฉือนที่ทำจากวัสดุใหม่ๆ เช่น เซรามิก หรือเคลือบด้วยสารพิเศษ ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ตัดเฉือนได้เร็วขึ้น และได้ผิวงานที่เรียบเนียนขึ้น
  • ระบบควบคุมเชิงตัวเลข (CNC) ที่ทันสมัย ระบบ CNC รุ่นใหม่มีประสิทธิภาพในการคำนวณและควบคุมการทำงานของเครื่องจักรได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ทำให้สามารถผลิตชิ้นงานที่มีความซับซ้อนได้มากขึ้น
  • ซอฟต์แวร์ CAM (Computer-Aided Manufacturing) ซอฟต์แวร์ CAM ช่วยในการสร้างโปรแกรมควบคุมเครื่องจักร CNC ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้ลดเวลาในการตั้งค่าเครื่องจักรและลดความผิดพลาดในการผลิต
  • เซ็นเซอร์และระบบตรวจสอบ เซ็นเซอร์ต่างๆ เช่น เซ็นเซอร์วัดแรงตัด เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ ช่วยในการตรวจสอบสภาพการทำงานของเครื่องจักรและชิ้นงาน ทำให้สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตได้อย่างทันท่วงที
  • หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ การนำหุ่นยนต์มาใช้ในการโหลดและขนถ่ายชิ้นงาน รวมถึงการทำงานร่วมกับเครื่อง CNC ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดต้นทุนแรงงาน
  • เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ แม้จะไม่ใช่การกลึงโดยตรง แต่เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติสามารถใช้ในการสร้างแบบจำลองหรือแม่พิมพ์สำหรับงานกลึง CNC ได้ ทำให้ลดเวลาในการออกแบบและผลิต
  • ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากกระบวนการผลิต เพื่อทำนายปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า และปรับปรุงพารามิเตอร์ในการผลิตให้เหมาะสมที่สุด

นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น การใช้เครื่องมือวัด 3 มิติ ที่ช่วยในการตรวจสอบความถูกต้องของชิ้นงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ, การใช้ระบบหล่อเย็นมาช่วยลดความร้อนที่เกิดจากการตัดเฉือน ทำให้อายุการใช้งานของเครื่องมือตัดเฉือนยาวนานขึ้น, การใช้ระบบดูดฝุ่นไว้สำหรับรักษาความสะอาดของเครื่องจักรและสิ่งแวดล้อมในการทำงาน

เลือกใช้เทคโนโลยีอันไหนดี ?

  • ชนิดของชิ้นงาน ชิ้นงานที่มีความซับซ้อนสูง อาจต้องการเทคโนโลยีที่ซับซ้อนตามไปด้วย
  • ปริมาณการผลิต การผลิตจำนวนมาก อาจคุ้มค่าที่จะลงทุนในเทคโนโลยีอัตโนมัติ
  • งบประมาณ เทคโนโลยีบางอย่างมีค่าใช้จ่ายสูง
โอลิมปิก 2024
Image by standret on Freepik

เทคนิคการลดต้นทุนในการผลิตอุปกรณ์กีฬาด้วยเทคโนโลยี CNC

การผลิตอุปกรณ์กีฬาด้วยเทคโนโลยีกลึง CNC นั้นให้ผลผลิตที่มีความแม่นยำสูงและคุณภาพดี แต่ก็อาจมีต้นทุนการผลิตที่สูงตามมา ดังนั้น การนำเทคนิคต่างๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อลดต้นทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญ

การออกแบบผลิตภัณฑ์

  • ออกแบบให้ผลิตง่าย การออกแบบชิ้นส่วนให้มีรูปทรงที่เรียบง่ายและลดขั้นตอนการผลิต จะช่วยลดเวลาในการตั้งค่าเครื่องจักรและลดปริมาณวัสดุที่เหลือทิ้ง
  • ใช้ซอฟต์แวร์ CAM ที่มีประสิทธิภาพ ซอฟต์แวร์ CAM ที่ดีจะช่วยให้สามารถสร้างโปรแกรม CNC ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ลดเวลาในการเขียนโปรแกรมและลดความผิดพลาด
  • การวิเคราะห์การออกแบบ ใช้ซอฟต์แวร์จำลองการผลิต (Simulation) เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของโปรแกรม CNC ก่อนการผลิตจริง ช่วยลดความผิดพลาดและการแก้ไขงานที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง

การเลือกวัสดุ

  • เลือกวัสดุที่เหมาะสม เลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งานและมีราคาที่เหมาะสม โดยพิจารณาถึงคุณสมบัติทางกายภาพ เช่น ความแข็งแรง ความทนทาน และความสวยงาม
  • ใช้เศษวัสดุ หากมีเศษวัสดุเหลือจากการผลิตครั้งก่อน สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุและความเหมาะสมของชิ้นงาน

การวางแผนการผลิต

  • การจัดกลุ่มชิ้นงาน จัดกลุ่มชิ้นงานที่มีขนาดและรูปทรงใกล้เคียงกัน เพื่อลดเวลาในการเปลี่ยนเครื่องมือและตั้งค่าเครื่องจักร
  • การวางแผนการตัดเฉือน วางแผนการตัดเฉือนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยคำนึงถึงความเร็วในการตัดเฉือน ปริมาณการป้อน และความลึกในการตัด
  • การใช้เครื่องมือตัดเฉือนที่เหมาะสม เลือกใช้เครื่องมือตัดเฉือนที่มีคุณภาพสูงและเหมาะสมกับวัสดุที่ตัดเฉือน เพื่อเพิ่มอายุการใช้งานและลดต้นทุนในการเปลี่ยนเครื่องมือ

การบำรุงรักษาเครื่องจักร

  • บำรุงรักษาเครื่องจักรตามกำหนด การบำรุงรักษาเครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงต่อการเสียหาย
  • ตรวจสอบสภาพของเครื่องมือตัดเฉือน ตรวจสอบสภาพของเครื่องมือตัดเฉือนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเปลี่ยนเครื่องมือเมื่อถึงอายุการใช้งาน หรือเมื่อมีการสึกหรอ

การใช้เทคโนโลยีช่วย

  • ระบบอัตโนมัติ การนำระบบอัตโนมัติมาใช้ เช่น หุ่นยนต์ในการโหลดและขนถ่ายชิ้นงาน จะช่วยลดเวลาในการทำงานและลดความผิดพลาดจากแรงงานคน
  • ซอฟต์แวร์การจัดการการผลิต ซอฟต์แวร์การจัดการการผลิตจะช่วยในการวางแผนการผลิต การควบคุมสินค้าคงคลัง และการวิเคราะห์ต้นทุน

การจัดการพลังงาน

  • ลดการใช้พลังงาน การปรับปรุงระบบแสงสว่าง การใช้มอเตอร์ประสิทธิภาพสูง และการปิดเครื่องจักรเมื่อไม่ใช้งาน จะช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้า
โอลิมปิก 2024
Image by freepik

เต็งแชมป์ โอลิมปิก 2024 คือ เทคโนโลยี CNC

สามารถบอกได้เลยว่าเทคโนโลยีงานกลึง CNC มีบทบาทสำคัญในการผลิตอุปกรณ์กีฬาหลายประเภทที่ใช้ในการแข่งขันโอลิมปิก เนื่องจากงานกลึง CNC สามารถสร้างชิ้นส่วนที่มีความแม่นยำสูงมาก โดยเฉพาะชิ้นส่วนที่มีรูปทรงซับซ้อน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอุปกรณ์กีฬาที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด และยังมีวัสดุหลากหลายชนิด ทั้งโลหะ อลูมิเนียม หรือแม้แต่พลาสติก ทำให้สามารถผลิตชิ้นส่วนที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันตามความต้องการของแต่ละกีฬา อุปกรณ์ดีมีคุณภาพ นักกีฬาก็มั่นใจและส่งผลต่อการแข่งขันแบบปฏิเสธไม่ได้ ดังนั้น CNC จึงเป็นเต็งแชมป์เหรียญทองตัวจริงจนกว่าจะมีเทคโนโลยีอื่นมาท้าชิง !

Cover Image : https://olympics.com/en/paris-2024/the-games/celebrating/celebrating-the-games-throughout-france?AnonymousID=6b3a60c7-2425-4291-8ffa-a8de18b67621&displayAsWebViewdark=true&displayAsWebView=true

แจ้งวันหยุดโรงกลึงพีวัฒน์ วันเสาร์ที่ 20 ก.ค. 2567 วันอาสาฬหบูชา

วันอาสาฬหบูชา ก.ค. 2567

โรงกลึงพี-วัฒน์ ขอแจ้งวันหยุดเดือน ก.ค. 2567 คือ วันเสาร์ที่ 20 ก.ค. เนื่องในวันอาสาฬหบูชา และจะกลับมาให้บริการลูกค้าทุกท่านอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 22 ก.ค. 67

⚙️🎇คุณลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด หรือขอใบเสนอราคาแก่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้ผ่านช่องทางติดต่อหลัก LINE Official Account แอดมินจะรับติดต่อกลับโดยเร็วเมื่อโรงกลึงกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งหลังวันหยุด

📲LINE Official Account : https://lin.ee/LHG3beE

📞โทร : 086-359-1411, 086-328-7916

💻 ขอใบเสนอราคาออนไลน์ได้ที่ https://pwat.co.th/#req-quote-online

💡โรงกลึงพี-วัฒน์ ให้บริการด้านนวัตกรรมและโซลูชันอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน

💡ผลิตชิ้นงานตามแบบ ชิ้นส่วนอะไหล่อุตสาหกรรม

💡เครื่องจักรกลและชิ้นส่วนโรบอท

💡ชิ้นส่วนยานยนต์ อะไหล่แต่งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์

💡งานเชื่อมตามแบบ

💡จิ๊กและฟิกซ์เจอร์

#รับกลึงงาน #โรงกลึง #เครื่องCNC #เชื่อมประกอบ #จิ๊กและฟิกซ์เจอร์

พลังงานไฮโดรเจน พลังงานแห่งอนาคต (จริง ๆ หรอ ?)

พลังงานไฮโดรเจน

หากพูดถึงพลังงานแห่งอนาคตเชื่อว่าต้องมีลิสต์ของ พลังงาน ไฮโดรเจน ติดอันดับอยู่ด้วยอย่างแน่นอน เพราะเป็นอีกแหล่งพลังงานที่มีศักยภาพและสามารถตอบโจทย์ด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดีอีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่นำไปสู่การสร้างมลพิษในอากาศได้อีกด้วย ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากไฮโดรเจนสามารถสังเคราะห์ได้จากวัตถุดิบทางธรรมชาติหลายแหล่งด้วยกัน

พลังงานไฮโดรเจน
Image by freepik

ประโยชน์ของการเลือกใช้ พลังงานไฮโดรเจน

อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่า การเลือกใช้ ไฮโดรเจน มาเป็น พลังงานทดแทน เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทางด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ดีอีกทางหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะช่วยลดภาวะโลกร้อนแล้วก็ยังมีประโยชน์ในด้านต่าง ๆ อีกหลายด้านด้วยกัน ดังนี้

ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

การใช้ไฮโดรเจนมาเป็นเชื้อเพลิงจะช่วยลดการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และ ก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ เพราะการผลิตไฮโดรเจนจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลม สามารถเปลี่ยนให้ไฮโดรเจนเป็นพลังงานที่สะอาดและรักษ์สิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

ประสิทธิภาพสูง

เชื้อเพลิงไฮโดรเจน (Fuel Cell) มีประสิทธิภาพที่สูงในการแปลงพลังงานเคมีเป็นพลังงานไฟฟ้า ทำให้สามารถนำมาใช้ในงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังลดการสูญเสียพลังงานในกระบวนการผลิตและการใช้งานได้อีกด้วย

ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล

การใช้ไฮโดรเจนมาเป็นพลังงานทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล สามารถช่วยลดการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัดได้ อีกทั้งยังช่วยลดผลกระทบจากการขุดเจาะและการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและดินได้อีกด้วย

การผลิตคาร์บอนลดลง

ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตไฮโดรเจนที่ไม่ก่อให้เกิดการปล่อยคาร์บอน เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียนในการแยกน้ำด้วยกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส (Electrolysis) ซึ่งสามารถทำให้ได้ไฮโดรเจนที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การจัดเก็บและการขนส่ง

ไฮโดรเจนสามารถถูกจัดเก็บและขนส่งได้ง่ายในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ก๊าซ ไฮโดรเจนเหลว หรือสารประกอบทางเคมีอื่น ๆ ซึ่งช่วยให้การใช้งานไฮโดรเจนสามารถทำได้สะดวกในหลากหลายรูปแบบตามสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ต่าง ๆ

สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีสะอาด

การลงทุนและการวิจัยในส่วนของการพัฒนาเทคโนโลยี ไฮโดรเจน สามารถช่วยกระตุ้นการพัฒนาเทคโนโลยีสะอาดและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการผลิตและการใช้งานไฮโดรเจน , การพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น รวมไปถึงการปรับปรุงกระบวนการผลิตไฮโดรเจนให้มีต้นทุนที่ต่ำลง เป็นต้น

ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นทำให้ พลังงานไฮโดรเจน ถือว่าเป็นพลังงานแห่งอนาคต ที่มีศักยภาพสูงอย่างมากในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์ด้านการพัฒนาให้เป็นไปได้อย่างยั่งยืน

แหล่งไฮโดรเจน ที่สามารถนำมาใช้เป็นพลังงานทางเลือก

การเลือกใช้ไฮโดรเจนมาเป็นพลังงานทางเลือก นั้นสามารถเลือกแหล่งที่นำมาสังเคราะห์จากวัตถุดิบทางธรรมชาติได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งในส่วนของแหล่งวัตถุดิบทางธรรมชาติที่จะนำมาสังเคราะห์นั้น มีแหล่งที่มาหลัก ๆ รวมไปถึงมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไปดังนี้

การแยกน้ำด้วยกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส (Electrolysis) 

ใช้พลังงานไฟฟ้าในการแยกน้ำ (H2O) ออกเป็นไฮโดรเจน (H2) และออกซิเจน (O2) ซึ่งถ้าหากใช้พลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลม กระบวนการนี้จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์ได้ดีที่สุด

พลังงานไฮโดรเจน
Image by pvproductions on Freepik

การปฏิรูปก๊าซธรรมชาติ (Steam Methane Reforming – SMR)

กระบวนการนี้จะใช้ไอน้ำทำปฏิกิริยากับก๊าซมีเทน (CH4) จากแหล่งก๊าซธรรมชาติ เพื่อนำมาผลิตไฮโดรเจนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กระบวนการนี้ถือว่าเป็นวิธีที่นิยมใช้มากที่สุดในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ด้วย

การปฏิรูปชีวมวล (Biomass Reforming)

ใช้ชีวมวล เช่น เศษไม้ เศษพืช หรือขยะอินทรีย์ มาผ่านกระบวนการแยกไฮโดรเจน วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณขยะและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแต่ทั้งนี้กระบวนการผลิตก็ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนายังไม่สมบูรณ์

การใช้พลังงานนิวเคลียร์ (Nuclear Hydrogen Production)

ใช้พลังงานความร้อนจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในการผลิตไฮโดรเจนผ่านกระบวนการอิเล็กโทรลิซิสหรือกระบวนการเคมีความร้อน (Thermochemical Processes) วิธีนี้สามารถผลิตไฮโดรเจนได้ในปริมาณมากแต่มีข้อจำกัดในเรื่องของความปลอดภัยและการจัดการของเสียที่ได้จากนิวเคลียร์

การใช้พลังงานแสงอาทิตย์โดยตรง (Photoelectrochemical Water Splitting)

ใช้แสงอาทิตย์ในการแยกน้ำออกเป็นไฮโดรเจนและออกซิเจนผ่านกระบวนการทางเคมี ซึ่งวิธีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัย แต่ถ้าหากประสบผลสำเร็จก็จะเป็นแหล่งพลังงานที่มีศักยภาพสูงมากเลยทีเดียว

การใช้จุลินทรีย์และสาหร่าย (Biological Hydrogen Production)

ใช้จุลินทรีย์หรือสาหร่ายในการผลิตไฮโดรเจนผ่านกระบวนการทางชีวเคมี เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ส่งผลดีต่อความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สูงมาก แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องการการพัฒนาเพิ่มเติม

มีเมื่อพร้อม.. หรือพร้อมเมื่อมี ?

แต่ละแหล่งพลังงานและวิธีการสังเคราะห์ต่าง ๆ ที่กล่าวไปนั้นล้วนมีศักยภาพรวมไปถึงความเหมาะสมที่ต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม ทรัพยากรที่มีอยู่ และเทคโนโลยีที่ใช้ ซึ่งถ้าหากเลือกใช้แหล่งไฮโดรเจน ที่มีความเหมาะสมก็จะช่วยทำให้การผลิต พลังงานไฮโดรเจน เพื่อนำมาเป็นพลังงานทางเลือกทดแทนสามารถดำเนินไปได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเลยทีเดียว

เห็นแบบนี้แล้ว.. ทำให้ โรงกลึง พีวัฒน์ของเรานอกจากจะกำลังติดตามกระแสนิยมและความเป็นไปได้ของการนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้ขับเคลื่อนรถยนตร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของภาคการขนส่งแล้ว คราวนี้ยิ่งทำให้ตื่นเต้นไปใหญ่ หากโลกของเรามีพลังงานหลายรูปแบบให้เลือกใช้ทดแทนกันและกันได้ แน่นอนหากพังงานไฮโดรเจนนี้เกิดขึ้นจริงและจับต้องได้ โรงกลึงของเราก็จะนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับงาน เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจและระบบอุตสาหกรรม

Cover Image : Image by wirestock on Freepik

รักษ์โลกแบบยั่งยืน ทำความรู้จัก พลังงานทางเลือก ที่วันนี้ต้องเลือกได้แล้ว !

พลังงานทางเลือก

เราจะสังเกตเห็นได้ว่าสภาวะแวดล้อมของโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก เริ่มต้นจากสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิความร้อนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนน่ากลัว อย่างประเทศไทยของเราหรือประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ในละแวกเส้นศูนย์สูตรเดียวกัน ปีนี้ก็เจอความร้อนระอุระดับ 45-50 องศาเซลเซียสกันก็มีมาแล้ว และมีผลกระทบในวงกว้างไปจนถึงมีภัยพิบัติเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นไฟไหม้ หรือน้ำท่วม รวมไปถึงการสูญพันธุ์ของสัตว์ต่าง ๆ ที่ปรับตัวไม่ทัน ทำให้หลายประเทศทั่วโลก ต่างหันมาให้ความสำคัญกับ พลังงานทดแทน ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้เป็น พลังงานทางเลือก กันเพิ่มมากขึ้น เพราะต่างมีความคิดเห็นที่ตรงกันว่าจะสามารถช่วยทำให้โลกพัฒนาต่อไปได้อย่างยั่งยืน และในบทความนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักพลังงานทางเลือกในรูปแบบต่าง ๆ ที่สามารถนำมาใช้แทนพลังงานหลักในปัจจุบันที่ส่งผลต่อภาวะโลกร้อน เพื่อลดผลกระทบที่เริ่มรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ว่ามีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย

พลังงานทางเลือก
Image by freepik

พลังงานทดแทน พลังงานทางเลือก ..ที่เราต้องเลือกกันได้แล้ว !!!

  1. พลังงานแสงอาทิตย์ : การใช้พลังงานจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ เพื่อนำมาผลิตไฟฟ้าใช้ในครัวเรือน หรือภาคอุตสาหกรรม โดยใช้แผงโซลาร์เซลล์เป็นตัวเปลี่ยนพลังงาน เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี
  2. พลังงานลม : การใช้ลมเข้ามาช่วยในการผลิตไฟฟ้า เป็นอีกหนึ่งพลังงานทางเลือกที่สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ เนื่องจากเป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมด อีกทั้งยังเป็นพลังงานสะอาดอีกด้วย
  3. พลังงานน้ำ : น้ำ เป็นปัจจัยสำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังเป็นแหล่งพลังงานที่เราสามารถนำมาผลิตไฟฟ้าได้ ซึ่งจะอาศัยรูปแบบการเปลี่ยนแปลงพลังงาน โดยการนำน้ำจากในเขื่อนมาผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้า
  4. พลังงาน BIOMASS (ชีวมวล) : เป็นพลังงานทางเลือกธรรมชาติ ที่ส่วนใหญ่ได้มาจากเศษจากกระบวนการผลิตทางการเกษตร หรือภาคอุตสาหกรรม เช่น ซากพืช ซากสัตว์ หรือก๊าซจากขยะต่าง ๆ จากนั้นนำมาผลิตเป็นพลังงานความร้อน หรือผลิตไฟฟ้า รวมไปถึงผลิตเป็นพลังงานเชื้อเพลิงได้อีกด้วย
  5. พลังงานจากความร้อนใต้ดิน : การใช้ความร้อนจากใต้ดิน สามารถนำมาผลิตเพื่อทำประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ได้หลายรูปแบบ เช่น เป็นแหล่งความร้อนเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับชุมชน หรือนำมาใช้ประโยชน์กับภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น 
พลังงานทางเลือก
พลังงาน BIOMASS หรือชีวมวล Image by frimufilms on Freepik

การเลือกใช้ พลังงานทางเลือก มีความสำคัญต่อการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านมลพิษ หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก็ตาม ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งกระบวนการที่สามารถช่วยลดการเกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม และสร้างสังคมที่ยั่งยืนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

พลังงานทางเลือก มีประโยชน์อย่างไร

นอกจากการนำพลังงานทางเลือกรูปแบบต่าง ๆ มาใช้เพื่อลดผลกระทบที่รุนแรงของสภาวะแวดล้อมแล้ว ก็ยังมีประโยชน์อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งต่อสิ่งแวดล้อม หรือ ปัจจัยด้านสังคม ก็ตาม ดังนี้

  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก : การใช้พลังงานทางเลือกสามารถช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงจากแหล่งที่มีการสร้างมลพิษและปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ เช่น น้ำมันหรือถ่านหิน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
  • ลดค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงาน : การใช้พลังงานทางเลือกสามารถลดค่าใช้จ่ายในการผลิตพลังงานลงได้ เนื่องจากแหล่งพลังงานทางเลือกจะมีต้นทุนในการดำเนินงานและการบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า
  • สร้างงานและเพิ่มการลงทุน : การลงทุนในพลังงานทางเลือกสามารถสร้างงานใหม่และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะในสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น การผลิตแผงโซลาร์เซลล์ หรือติดตั้งเครื่องกำเนิดพลังงานลม เป็นต้น
  • ลดความต้องการของพลังงานนิวเคลียร์ที่สูงขึ้น : การใช้พลังงานทางเลือกสามารถลดความต้องการในการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ได้ดีขึ้น ซึ่งมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยและมลพิษที่เกิดขึ้นจากการเก็บรังสีนิวเคลียร์
  • สร้างความมั่นคงในการผลิตพลังงาน : การผลิตพลังงานจากแหล่งที่ไม่ใช่น้ำมัน หรือแก๊สธรรมชาติ สามารถลดค่าใช้จ่ายลงไปได้มาก อีกทั้งยังช่วยทำให้การจัดหาพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 
  • สร้างเสถียรภาพเชิงเทคโนโลยี : การพัฒนาและใช้ พลังงานทางเลือก สามารถช่วยส่งเสริมการเกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ในเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องได้ เช่น การพัฒนาแผงโซลาร์เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เป็นต้น
พลังงานทางเลือก
Image by freepik

ข้อจำกัดของการใช้พลังงานทางเลือก มีอะไรบ้าง ?

แม้ว่าการใช้พลังงานทางเลือกจะมีประโยชน์มากมาย ทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม และสังคมก็ตาม ก็ยังมีข้อจำกัดอีกหลายอย่างในการพิจารณาเลือกนำมาใช้งานด้วยเช่นกัน ดังนี้

  • ความเหมาะสมในบางพื้นที่ : พื้นที่ต่าง ๆ อาจจะมีความเหมาะสมที่จะใช้งานพลังงานทางเลือกได้อย่างมีประสิทธิภาพแตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น การใช้พลังงานลมในพื้นที่ ที่มีลมในปริมาณไม่มากพอ ก็อาจจะทำให้ไม่ได้รับผลดีเท่าที่ควร เป็นต้น
  • ความเสี่ยงต่อสภาพอากาศ : พลังงานทางเลือกในบางแห่งจำเป็นต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศเป็นหลัก เช่น การใช้พลังงานน้ำ ที่อาจมีปริมาณไม่เพียงพอต่อการผลิตไฟฟ้า หรือถ้าหากท้องฟ้ามืดครึ้ม ก็ทำให้มีแสงอาทิตย์ที่ไม่เพียงพอ เป็นต้น
  • ความผันผวนของการผลิต : บางแหล่งพลังงานทางเลือกมีความผันผวนต่อกระบวนการผลิตสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการจัดหาพลังงาน
  • ความต้องการของพื้นที่ : บางแหล่งพลังงานทางเลือกอาจต้องใช้พื้นที่มาก เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ หรือก่อสร้างเขื่อน เป็นต้น
  • ความยุ่งเหยิงในการบริหารจัดการ : บางรูปแบบของพลังงานทางเลือกอาจมีความซับซ้อนในการบริหารจัดการ เช่น การบริหารจัดการระบบจัดเก็บ หรือการจำหน่ายพลังงานที่ผลิตจากแผงโซลาร์เซลล์
  • ต้นทุนเริ่มต้นสูง : การลงทุนในพลังงานทางเลือกอาจมีต้นทุนเริ่มต้นที่สูงกว่าการใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานที่มีการใช้งานมาแล้ว เช่น การสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานลม หรือแสงอาทิตย์
พลังงานทางเลือก
Image by HelloDavidPradoPerucha on Freepik

Keys Takeaway

แม้ว่าการเลือกใช้พลังงานทางเลือกจะมีประโยชน์ต่อสภาพแวดล้อมในหลายด้าน แต่ก็มีข้อจำกัดอีกหลายประการที่ต้องคำนึงถึงอยู่ด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ถ้าหากทุกหน่วยงาน ร่วมมือกันก็จะช่วยทำให้โลกของเราน่าอยู่มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือพลังงานทางเลือกจะเป็นหนึ่งในแนวทางที่ช่วยรักษ์โลกได้อย่างยั่งยืน และช่วยทำให้ในอนาคตมีพลังงานสะอาดในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

Cover Image : Image by freepik

รู้หรือไม่ ?! เทรนด์เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ที่มาแรงในตอนนี้คือ ?! (อัปเดทล่าสุด)

เทรนด์เทคโนโลยี อุตสาหกรรม

ในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา วงการอุตสาหกรรมต่างหันมาใช้เทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ เข้ามาช่วยในการผลิตสินค้ากันเพิ่มมากขึ้น เพราะด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย และสามารถช่วยลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นลงได้ อีกทั้งยังเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจ จึงทำให้เกิดการใช้ เทคโนโลยี เข้ามาช่วยเสริมในกระบวนการผลิตของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมกันมากขึ้น ซึ่งทั้งนี้ ถ้าหากธุรกิจสามารถเลือกใช้นวัตกรรมที่เหมาะสม ก็จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ในบทความนี้เราจะพาไปส่อง เทรนด์เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ที่น่าจับตามในตอนนี้ มีอะไรบ้าง ? ตามมาดูกันเลย..

โรงงานอัจฉริยะ (Foresight Factories)

ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตเริ่มมีการใช้ระบบอัตโนมัติอัจฉริยะกันเพิ่มมากขึ้น เป็นไปตามแนวโน้มของการที่ AI หรือ โรบอท ที่ในทุกวันนี้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด และสามารถช่วยเหลืองานของมนุษย์ได้แม่นยำและหลากหลายมากขึ้น ผ่านการเทรนนิ่งด้วยข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่โรงงานดิจิทัล มีผลให้โรงงานอัจฉริยะมีการพัฒนาทัศนคติและการมองการณ์ไกล เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในอุปสงค์ได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยระบุปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจริงในอนาคต และเข้าใจผลกระทบของการดำเนินงาน ก่อนที่จะมีการดำเนินการจริง ซึ่งจากผลการวิจัยนี้ มีผลที่แสดงให้เห็นว่าระดับการใช้ระบบอัตโนมัติโดยเฉลี่ยในโรงงานเพิ่มขึ้น 10% จากร้อยละ 69 เป็นร้อยละ 79 และคาดการณ์ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า อาจเกิดขึ้นได้มากกว่านั้น

เทรนด์เทคโนโลยี อุตสาหกรรม
Image by usertrmk on Freepik

การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ (Predictive Maintenance)

เป็นเทคโนโลยีอุตสาหกรรมที่เข้ามาช่วยในเรื่องการบำรุงรักษาอุปกรณ์ และเครื่องจักรในภาคการผลิตอุตสาหกรรม โดยใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ในการคาดการณ์ปัญหาและการชำรุดก่อนที่จะเกิดขึ้นจริง ทั้งนี้การระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจริง และทำความเข้าใจผลกระทบของการดำเนินการก่อนที่จะมีการดำเนินงานจริงนั้น จะช่วยทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถวางแผนและดำเนินการซ่อมบำรุงได้ทันท่วงทีในได้เวลาที่เหมาะสม อีกทั้งยังลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความเสียหายและมีค่าใช้จ่ายสูง รวมไปถึงการหยุดการทำงานของเครื่องจักรที่อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตขององค์กรได้อีกด้วย

การผลิตแบบ Decentralized Manufacturing

ภายหลังจากการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ได้ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตอย่างมาก การเกิดสถานการณ์นี้ได้กระตุ้นให้ธุรกิจจำเป็นต้องประเมินแบบจำลองทางเลือกเพื่อลดการหยุดชะงักของการผลิตให้มากที่สุด เพื่อรองรับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องคอยคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจเพียงคนเดียว และในอนาคต เทรนด์เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในรูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่าการผลิตแบบกระจายศูนย์จะกลายเป็นแนวทางหลักในอีก 5 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน และด้วยเทรนด์นี้เองที่ทำให้นักธุรกิจได้มีการพัฒนาแนวคิดขึ้นใหม่ โดยอิงจากโรงงานขนาดเล็กที่มีความยืดหยุ่นในการเคลื่อนย้ายและปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตให้ง่ายมากขึ้น ทำให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดในท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็ว

เทรนด์เทคโนโลยี อุตสาหกรรม
Image by freepik

เทรนด์เทคโนโลยี อุตสาหกรรม การใช้ชีวิตกับหุ่นยนต์ (Living with Bots)

เป็นเทรนด์ที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มีความสามารถในการช่วยเหลือและทำงานในหลายด้านของชีวิตประจำวันได้มากขึ้น ซึ่งเทรนด์นี้มาในรูปแบบที่มีการนำหุ่นยนต์มาใช้ในหลายสถานการณ์ เช่น การใช้หุ่นยนต์ในงานอุตสาหกรรมเพื่อทำงานในสภาพแวดล้อมที่อันตรายหรือบริเวณที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าไปได้ง่าย รวมไปถึงการใช้หุ่นยนต์ในการช่วยเสริมความสามารถของมนุษย์ในการทำงาน เช่น การใช้หุ่นยนต์ในการช่วยงานด้านการแพทย์ การให้บริการลูกค้า หรือการดูแลผู้สูงอายุ หรือในด้านของงานบ้านก็มีการนำหุ่นยนต์มาใช้ในการช่วยเหลืองานบ้านได้อีกหลายอย่าง เช่น การทำความสะอาด การทำอาหาร หรือการจัดการและควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะภายในบ้าน เป็นต้น

เทรนด์การเชื่อมต่อทรงประสิทธิภาพ 5G

เทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ทันสมัยและทรงประสิทธิภาพในปัจจุบัน คือ เทคโนโลยี 5G ซึ่งเป็นการพัฒนาการเชื่อมต่อไร้สายที่มีความเร็วสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า (4G) และมีประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลที่เร็วขึ้นอย่างมาก จากผลการวิจัย PwC ได้สรุปผลการใช้เทคโนโลยี 5G และระบบ IoT ว่าจะมีความสำคัญและครอบคลุมมากขึ้นในทุกภาคอุตสาหกรรมในอนาคต ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยตรง ดังนั้นการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี 5G ในภาคธุรกิจทั่วโลก จึงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว นอกจากนี้ผลการวิจัยยังบอกอีกว่า การใช้งาน 5G ในภาคการผลิต จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2030 ได้สูงถึง 1.30 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนจากสินค้าที่มีความบกพร่องได้ถึง 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย สรุปได้ว่าการนำเทคโนโลยี 5G เข้าสู่สายการผลิต จะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในธุรกิจ อีกทั้งยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจได้ในระยะยาว

เทรนด์เทคโนโลยี อุตสาหกรรม
Image by rawpixel.com on Freepik

ไม่ตกเทรนด์ อัปเดทข่าวสาร เตรียมตัวให้พร้อม

การเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต และเกาะกระแส อัปเดทข่าวสารด้านเทรนด์เทคโนโลยี อุตสาหกรรมอยู่เสมอ นั้นมีความสำคัญสำหรับทุกคนที่อยู่ในวงการการผลิต โรงงาน โรงกลึง และผู้ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ End-to-end ดังนั้น คุณจำเป็นต้องรู้ให้ทันโลกว่ามีเทคโนโลยีเกิดใหม่อะไรที่สามารถช่วยลดต้นทุนที่มีอย่างจำกัด และนำไปใช้อย่างคุ้มค่าให้คุณได้ ที่สำคัญช่วยคุณในการเพิ่มประสิทธิภาพของการผลิต ลดความสูญเสีย เพิ่มความยืดหยุ่น แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพของผลผลิตเดิม หรือได้โบนัสคือสามารถอัปเกรดคุณภาพของผลผลิตได้มากกว่าคู่แข่ง

Cover Image : Image by freepik