ความเสียหายต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ซึ่งอันที่จริงแล้วปี 2021 ณ ปัจจุบันที่กำลังจะผ่านพ้นไป เริ่มมีการวางโครงสร้าง มองหากลยุทธ์ใหม่ ๆ มาปรับใช้กับวงการ “โลจิสติกส์” อันเป็นหนึ่งในกระบวนการสำคัญต่ออุตสาหกรรมแทบจะทุกประเภท หลาย ๆ โรงงานอุตสาหกรรมทั่วโลก ทั่วประเทศ รวมถึงโรงกลึงพีวัฒน์ก็ต่างเจอปัญหาจากผลกระทบเรื่องการขนส่งที่มีต้นเหตุจากโรคระบาดไม่น้อยเช่นกัน
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจากสิ่งที่เกิดขึ้นเสียมากกว่า แต่หลังจากที่ทั่วโลกได้ประเมินแล้วว่าต้องอยู่กับสถานการณ์แบบนี้ไปอีกพักใหญ่ การมองถึงเรื่องอนาคตโดยนำเอานวัตกรรมต่าง ๆ มาผูกกับระบบการขนส่งจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ กลายเป็นหัวข้อที่เราจะพูดคุยกันในวันนี้
โลจิสติกส์ กับ Covid-19
อุตสาหกรรมโลจิสติกส์เคยมีมูลค่าสูงถึง 7,641.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี 2017 แต่พอเจอกับพิษ Covid-19 เข้าไปทำเอาลดลงมาเหลือ 5,200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2019 ส่วนต่างขนาดนี้ต่อให้เราไม่ได้เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง เห็นตัวเลขที่หายไปยังรู้สึกน่าตกใจไม่น้อยเลยใช่มั้ยล่ะ..
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่เริ่มคลึ่คลายลงในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ข้อมูลล่าสุดที่เราได้สืบค้นมา ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมโลจิสติกส์กำลังจะกลับมาเข้ารูปเข้ารอย อาจเติบโตไปถึงตัวเลขระดับ 12,975.64 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2027 ได้ไม่ยาก
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยสำคัญที่จะเข้ามายกระดับอุตสาหกรรมนี้ และในปี 2022 ที่กำลังจะถึง เราได้นำแนวโน้มที่จะเข้ามาเพิ่มศักยภาพให้กับวงการโลจิสติกส์ โดยเนื้อหาทั้งหมดอยู่ด้านล่างแล้ว ตามไปเสพย์กันได้เลย
เทรนด์ โลจิสติกส์ ที่น่าสนใจในปี 2022
ต้องบอกกันแบบนี้ก่อนว่าในช่วงที่หลาย ๆ อุตสาหกรรมเจอกับผลกระทบอย่างหนักหน่วง แต่เรื่องของเทคโนโลยีและนวัตกรรมนั้นรุดหน้าอยู่เสมอ โดยเนื้อหาต่อไปนี้จะเทรนด์ที่น่าสใจเกี่ยวกับการยกระดับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ที่อาจจะเข้ามามีอิทธิพลในปี 2022 รวมถึงปีต่อ ๆ ไป
คลาวด์ คอมพิวติ้ง
แม้ว่าอาจมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลในช่วงแรกที่มีการเริ่มใช้ แต่การนำระบบคลาวด์ คอมพิวติ้ง มาใช้นั้นถือเป็นโอกาสใหญ่ของบริษัทที่จะก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดเรื่องโลจิสติกส์จากโมเดล SaaS (Software-as-a-Service) ที่จะช่วยให้เข้าถึงผลกำไรที่สูงขึ้นเกินกว่าผลตอบแทนทั่วไปจากความสามารถขององค์กร
คลาวด์จะกลายเป็นข้อกำหนดพื้นฐานสำหรับงานบริการโลจิสติกส์ที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ข้อดีมีมากมาย ทั้งช่วยลดค่ายใช้จ่ายด้านไอทีสำหรับการบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานและการตั้งค่าโซลูชั่น ช่วยให้ผู้บริการกำหนดเป้าหมายธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องกาาชำระค่าเทคโนโลยีตามการสมัครรับใช้ข้อมูล โดยเหล่านี้มีบริษัทซัพพลายเชนร่วมเป็น Third Party คอยตอบสนอง แก้ปัญหา เชื่อมทุกอย่างเข้าด้วยกัน
เทคโนโลยีบล็อคเชน
แอปพลิเคชั่นบล็อคเชนมีศักยภาพสูงในการเติมเต็มฟังก์ชั่นด้านโลจิสติกส์ เป็นตัวกำหนดทิศทางการกระจายสินค้าและการขนส่งในปี 2022 และปีต่อ ๆ ไป มีความสามารถในการแก้ปัญหาสำคัญ ๆ ได้โดยการสร้างบันทึกดิจิทัลที่เข้ารหัสซึ่งติดตามสินค้าในทุกขั้นตอนของซัพพลายเชน มองเห็นได้อย่างชัดเจนหากเกิดความผิดปกติที่ส่งผลต่อการขนส่ง ช่วยให้บริษัทเข้าถึงปัญหาหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญที่สุดสำหรับ บล็อคเชน สามารถทำให้กระบวนการโลจิสติกส์เป็นไปอย่างอัตโนมัติ แถมยังตรวจสอบ สนับสนุน แบ่งปันข้อมูลได้อย่างปลอดภัย และบรรลุเป้าหมายร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Internet of Things (IoT)
ปัจจุบันสิ่งนี้อาจจะยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร แต่แนวคิดระบบการขนส่งอัจฉริยะ การวางแผนเส้นทาง อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ได้ผสานรวมโซลูชั่น AI เข้ากับการดำเนินงาน นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ได้รับการพูดถึงและจะเพิ่มศักยภาพได้อย่างมหาศาล
แบบสำรวจของการใช้ AI ทั่วโลก การนำสิ่งนี้มาใช้พิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการขนส่ง สามารถเพิ่มผลกำไรของบริษัทได้มากกว่า 40% ต่อปี และการที่บริษัทยักษ์ใหญ่บางแห่งเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยี AI เพื่อประหยัดเงินและเวลาในอนาคต ก็น่าจะเป็นคำตอบได้อย่างดี
รถบรรทุกไร้คนขับ
น่าจะยังเร็วเกินไปนิด หากจะพูดเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรายังเห็นข่าวรถพลังงานไฟฟ้าของ Tesla ใช้ระบบ “ออโตไพลอต” แล้วยังเกิดอุบัติเหตุตามท้องถนนอยู่..
ซึ่งก็เป็นไปตามที่แหล่งข้อมูลได้กล่าวไว้ เทคโนโลยีการขับขี่ด้วยตนเองยังอยู่ในระหว่างพัฒนาและปรับปรุง ยังมีอุปสรรคอีกหลายอย่างที่ต้องเอาชนะ เช่น การปรับปรุงซอฟต์แวร์ไร้คนขับเพื่อให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดบนถนนในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น ซึ่งถือเป็นงานหินพอสมควร แต่ก็เป็นหนึ่งในแนวโน้มอันสอดคล้องกับคมนาคมขนส่งในอนาคตที่ผู้เชี่ยวชาญได้คาดการณ์เอาไว้ หากทุกอย่างลงตัวพร้อมใช้งาน นี่น่าจะเป็นเทรนด์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดเทรนด์นึง ชนิดที่คนทั่วไปเห็นแล้วยังต้องอึ้งกันเลย
Last-Mile Delivery
ภาษาธุรกิจของอุตสาหกรรมของโลจิสติกส์ หากเรียกกันแบบให้เข้าใจง่ายที่สุดน่าจะเป็น “ไม้สุดท้าย” ของการขนส่งนั่นเอง
บริษัทต่าง ๆ ได้พัฒนาเรื่องนี้กันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การจัดสั่งอันราบรื่นที่สุด โดยในปี 2022 ที่จะถึงนี้ มีองค์กรจำนวนไม่น้อยพร้อมจะใช้ประโยชน์จากเครื่องมือเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นสูง เพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อมูลอัพเดตแบบเรียลไทม์ ตลอดจนกระทั่งเหตุผลในการที่สินค้ายังไม่ถูกจัดส่ง รวมถึงแนวทงการแก้ปัญหาต่าง ๆ ของการขนส่งเคสบายเคสแบบละเอียด
การส่งมอบไม้สุดท้ายเป็นส่วนสำคัญที่สุดของกานขนส่งเลยก็ว่าได้ เพราะมีความเกี่ยวข้อโดยตรงกับระดับความพึงพอใจของลูกค้า แต่สิ่งที่ทำให้เทรนด์นี้อยู่ในลำดับท้าย ๆ ที่จะนำมาพิจารณาทั้ง ๆ ที่หากทำได้ดีจะส่งผลดีกับบริษัทโดยตรง นั่นเป็นเพราะมีอีกหลายปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมขององค์กรนั่นเอง
อย่างที่เรารู้กันว่าหลายอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์โรคระบาดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ได้ก็มาในรูปแบบของการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ มารองรับ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาจากเรื่องดังกล่าว หรือการเพิ่มศักยภาพ เพิ่มหนทางใหม่ ๆ ในการผลักดันให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ เหมือนกับเทรนด์ของอุตสาหรรมโลจิสติกส์ที่เรานำมาพูดคุยกันผ่านเนื้องหาวันนี้ หากคุณรู้สึกสนใจหัวข้อไหน สามารถต่อยอดหาข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดเชิงลึกเพื่อนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้เลย
ขอขอบคุณเนื้อหาสาระจากแหล่งข้อมูล และบทความดี ๆ จากต้นทางมา ณ ที่นี้
https://www.globaltrademag.com/what-does-2022-have-in-store-for-the-shipping-logistics-industry/
https://xtendedview.com/business/emerging-logistics-industry-trends/8813/