IIoT เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยโรงงานอุตสาหกรรมอัพเดทมาตรการป้องกันภัย

iiot

เลี่ยงเหตุร้ายได้มากน้อยแค่ไหน? หากพัฒนามาตรการด้านความปลอดภัยด้วย “IIoT”

ก่อนจะเริ่มพูดคุยถึงเรื่องการรักษาความปลอดภัยของโรงงานอุตสาหกรรมด้วย IIoT เราขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสดุดีแด่ฮีโร่ผู้เสี่ยงชีวิต และขอแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสียและผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวทุกคน บนเหตุเพลิงใหม่โรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติกขนาดใหญ่ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่วันมานี้

เรื่องของสาเหตุการระเบิดและการเกิดเพลิงไหม้ คงไม่ใช่สิ่งที่เราจะมาวิเคราะห์เจาะลึก และก็เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะได้รับรู้รายละเอียดผ่านข่าวสารจากช่องทางสื่อต่าง ๆ ที่ประโคมกันแบบเรียลไทม์ไม่ขาดสาย แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เรานึกย้อนไปถึง “มาตรฐานใหม่” ที่มาพร้อมกับแนวคิดในยุคอุตสาหกรรม 4.0 โดยมี IoT เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเพื่อความปลอดภัยในการผลิต

และแม้ว่าสิ่งที่เราจะกล่าวถึงต่อไปนี้จะไม่ได้เกี่ยวกับกับเหตุที่เกิดขึ้นโดยตรง แต่ก็เป็นที่แน่นอนเหลือเกินว่าหากเราพัฒนาต่อยอดแนวคิดเหล่านี้ให้เกิดขึ้นจริงได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด ลดความสูญเสียต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับสิ่งที่ไม่สามารถประเมินค่าได้เลยอย่าง “ชีวิต” ไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นเปอร์เซนต์สักกี่มาน้อย ก็ถือเป็นเรื่องดีงามทั้งสิ้น

iiot

“IIoT” Industrial Internet of Things คืออะไร ?

มาย้อนความกันสักเล็กน้อยเกี่ยวกับ Internet of Things หรือที่เราคุ้นตากันใน AKA ว่า IoT เปรียบได้กับเป็นการประยุกต์ IoT กับธุรกิจในกลุ่ม Industrial จึงเป็นที่มาของ IIoT สิ่งนี้คือการยกระดับอุตสาหกรรมด้วยการนำเครื่องจักร ระบบวิเคราะห์ระดับสูง และมนุษย์มาทำงานร่วมกัน โดยมีการเชื่อมต่อกันด้วยโครงข่ายอุปกรณ์ เทคโนโลยีการสื่อสาร เกิดขึ้นเป็นระบบที่สามารถส่งผลแก่การติดตาม เก็บข้อมูลแบบละเอียด แสดงผลข้อมูลเชิงลึก ช่วยให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่อุตสาหกรรมนั้น ๆ

IIoT จะช่วยเพิ่มเรื่องความปลอดภัยได้อย่างไร ?

ปัจจัยลำดับต้น ๆ ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ส่วนมากเป็นเรื่องความผิดปกติของอุปกรณ์ ซึ่งคุณสมบัติหลักที่ IIoT จะเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องของความปลอดภัยหนีไม้พ้นเรื่องของการเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่ทำได้รวดเร็วและรวบรวมจำนวนได้มากยิ่งขึ้น เมื่อมีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำให้เราสามารถตรวจสอบสถานะการทำงานแบบเรียลไทม์ รวมถึงสภาพของอุปกรณ์จากห้องควบคุมได้อยู่เสมอ

จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้ การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ลิสต์เอาไว้ด้วยระบบ AI การตั้งค่าเพื่อให้มีการแจ้งเตือน หากตรวจสอบเจอสภาวะเข้าใกล้ “อันตราย” นอกจากสามารถคาดเดาได้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันแล้ว ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็สามารถผ่อนหนักเป็นเบาได้ไม่น้อย

3 แน้วโน้มเพื่อความปลอดภัยในโรงานอุตสาหกรรมด้วย IIoT
1. การฟิวชั่นเซ็นเซอร์ IoT เข้ากับ Computer Vision

ส่วนใหญ่แล้วการตั้งค่า IoT จากโรงงานผลิตจะมีเซนเซอร์รวบรวมข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้เห็นแนวโน้มต่าง ๆ ทำให้พิจารณาได้ว่าจุดไหนทำงานเป็นอย่างไร ดีมากน้อยแค่ไหน และจุดไหนบ้างที่ควรปรับปรุง

กับด้านความปลอดภัย การรวมเซ็นเซอร์ IoT เข้ากับ Computer Vision ซึ่งส่วนหลังนั้นทำหน้าที่เปรียบเสมือนดวงตาของมนุษย์ คอยตรวจจับความสภาพแวดล้อมและสถานการณ์อยุ่ตลอด และด้วยข้อมูลจากเซ็นเซอร์ IIoT นี่เองที่จะช่วยให้ CV นั้นคัดกรองข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงการค้นหาความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น หากพบก็จะสามารถหยุดอุปกรณ์ได้แบบอัตโมมัติก่อนที่จะเกิดอันตรายขึ้น

2. การติดตั้งระบบความปลอดภัยในอาคารแบบครบวงจร

ความก้าวหน้าของสิ่งนี้ในปัจจุบันแผ่ขยายทำให้อาคารหลายแห่งมีเทคโนโลยีหลายประเภทในอาคาร โดยทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณสามารถเพิ่มความปลอดภัยได้แบบครบวงจรเท่าที่คุณต้องการ

ยกตัวอย่างเช่น โครงการนำร่องในโรงเรียนเมืองฮิวส์ตัน มีการติดตั้งปุ่มแจ้งเตือนรวมเข้ากับระบบความปลอดภัย IoT ขั้นสูง หากเกิดสถานการณ์อันตรายใด ๆ หรือมีการคุมคาม ปุ่มนี้จะช่วยเรียกเจ้าหน้าที่ได้ทั้งภายในและนอกอาคารทันที จากกรณีแม้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม แต่ก็ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของส่วนประกอบต่าง ๆ ที่จะนำไปปรับใช้กับภาคการผลิตได้เช่นกัน

3. การใช้ Location Based Analytics และ Real-Time Location Systems เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

เป็นแนวคิดที่เจ๋งมาก ๆ ด้านการแจ้งเตือนในโรงงานอุตสาหกรรม ยกตัวเช่น การใช้ระบบระบุตำแหน่งแบบเรียลไทม์ (RTLS) เพื่อสุขภาพ โดยมีบริษัท Kontakti.io ที่นำมาต่อยอดด้วยแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า Simn AI เป็นการนำเอาเทคโนโลยีเซ็นเซฮร์ RTLS มาสู่ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งความตั้งใจเริ่มต้นคือการกำหนดเวลาคน เข้า-ออก จากที่ทำงาน

สำหรับมุมมองด้านความปลอดภัย Simon AI นั้นทรงประสิทธิภาพมากกว่านั้น เช่น สามารถแจ้งเตือนหากมีบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปในพื้นที่ หรือจะเป็นปุ่มเรียกที่ขอความช่วยเหลือได้จากการะบุตำแหน่งที่แม่นยำ จนไปถึงหากมีการอพยพ เทคโนโลยีนี้สามารถแสดงจำนวนที่มาถึงจุดปลอดภัยที่กำหนด และหากมีใครที่ขาดหายไปก็สามารถระบุตำแหน่งเพื่อติดตามได้อย่างรวดเร็ว

iiot

ประโยชน์ตรงนี้มากมายมหาศาล หากเรารับรู้ความเป็นไปได้ในการเกิดอุบัติภัยได้ล่วงหน้า เราก็เตรียมรับมือได้เร็ว โรงกลึงพี-วัฒน์เองก็ตอบสนองต่อเทคโนโลยีนี้เช่นกัน เรากำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบการควบคุมไฟของเครื่องจักรทุกตัวในโรงกลึง ภายใต้การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี IoT, AI, Machine Learning และ Big Data ทั้งนี้เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่วิศวกรและทีมช่าง รวมถึงควบคุมคุณภาพของการผลิตไม่ให้บกพร่อง เพิ่มความมั่นใจในคุณภาพของสินค้าและบริการให้แก่ลูกค้า

IIoT กับ อนาคตอันน่าตื่นเต้น ผ่านการตระหนักถึงความปลอดภัยของมนุษย์เหนือสิ่งอื่นใด

จากแนวโน้วการวางระบบมาตรการความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีนี้ ข้อสุดท้ายชี้ให้เห็นความสำคัญเรื่องการะบุตำแหน่ง การเก็บข้อมูลในปริมาณมาก ๆ แบบเรียลไทม์ ซึ่งจุดเด่นของ RTLS นั้นก็ชัดเจนอยู่แล้วนอกจากจะช่วยเรื่องประสิทธิภาพการทำงาน ทราบข้อมูลที่แน่นอนว่าใครอยู ณ จุดไหน เรื่องของความปลอดภัยก็ทำให้ตรวจสอบได้เสมอว่าพนักงานนั้นอยู่ในที่ปลอดภัย หรือหากอยู่ในจุดเกิดเหตุก็จะได้รับการช่วยเหลือทันท่วงที

iiot

ซึ่งนอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีอีกมากมายมีความสอดคล้องกับการเชื่อมต่อของ IIoT ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์การแจ้งเตือนเรื่องภัยพิบัติ การแจ้งเตือนเรื่องของอุบัติเหตุต่าง ๆ ฉะนั้น การสร้างมาตรฐานเรื่องความปลอดภัยในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย IIoT สามารถแสดงศักยภาพสูงสุดต่อเรื่องนี้ และอาจกลายเป็นเป้าหมายหลักในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อซัพพอร์ตการป้องกันอย่างเต็มประสิทธิภาพสู่ตลาดในเร็ววันนี้

ขอขอบคุณบทความสำหรับข้อมูลดี ๆ เรื่องแนวทางการพัฒนาด้านความปลอดภัยด้วย IIoT จาก https://www.ehstoday.com/safety-technology/article/21920259/6-iiot-trends-for-manufacturing-safety

เทรนด์อุตสาหกรรม 2021 จากยุคเดิมสู่ อุตสาหกรรม 5.0 ผ่านมุมมองสื่อดัง Forbes

อุตสาหกรรม 5.0

ทุกการวิวัฒน์.. แม้มันต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้าหาสิ่งใหม่ที่จะกลายเป็นแนวทางในการอยู่รอดตามช่วงเวลานั้น ๆ แต่สิ่งที่ตามมาล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์มหาศาลหากว่าคุณก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดแห่งการพัฒนาเหล่านั้นได้ เหมือนกับที่อุตสาหกรรม 4.0 ที่เพิ่งจะถูกพูดถึงไม่นาน แต่กลับกลายเป็นว่าอาจโดนอัปเกรดไปสู่ยุค อุตสาหกรรม 5.0 อย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้เป็นเพราะมีวิกฤตการณ์ โควิด – 19 เป็นตัวเร่งสิ่งต่าง ๆ ให้รุดหน้ายิ่งกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว จนเทรนด์โลกตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมชนิดใด “ปัญญาประดิษฐ์” (AI : Artificial Intelligence) เป็นสิ่งที่จะก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญ ทำให้ “มนุษย์” อย่างเราต้องผนึกกำลังกับสิ่งนี้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อการดำเนินธุรกิจของตนเอง

ในขณะที่ “Forbes” จ้าวแห่งสื่อธุรกิจการเงินแห่งสหรัฐอเมริกา ได้คาดการณ์เทรนด์ใหม่ของโลกธุรกิจผ่านมุมมองของพวกเขา สิ่งที่น่าสนใจจากผู้คร่ำหวอดในวงการธุรกิจมากว่า “ศตวรรษ” จะน่าสนใจขนาดไหน เราได้นำมาย่อยให้คุณได้อัปเดตไปพร้อม ๆ กัน ผ่านบทความนี้แล้ว..

อุตสาหกรรม 4.0 คืออะไร ยังมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหนกับสถานการณ์ทุกวันนี้?

อุตสาหกรรม 4.0 คืออะไร.. ในช่วงรอบปีที่ผ่านมาคาดว่าหลายคนที่ข้องแวะเกี่ยวกับการทำธุรกิจน่าจะได้ยินคำนี้มากันพอสมควร ต่อให้ไม่รู้จักมักจี่อย่างถ่องแท้แต่เชื่อเหลือเกินว่าต้องเคยผ่านหูกันมาไม่บ้างก็น้อย 

อุตสาหกรรม 5.0

ซึ่งเจ้า “อุตสาหกรรม 4.0” นี้หลัก ๆ คือเรื่องของการปฏิวัตโลกแห่งการผลิต ที่หากคุณรู้จักกลไกลโครงสร้างของเขาจะทำให้เห็นภาพรวมต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นวางแผน กระบวนการทำงานต่าง ๆ ที่สามารถช่วยให้คุณลดต้นทุน ทุ่นแรงจากการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีชั้นสูง กลายเป็นคีย์แมนแห่งอุตสาหกรรมการผลิตไปโดยปริยาย

และดังที่กล่าวไป เพียงแค่พารากราฟสั้น ๆ ก็น่าจะทำให้คุณพอเห็นความสำคัญของสิ่งนี้แบบที่เราไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาว

มุมมองจากสื่อ “จ้าวแห่งธุรกิจการเงิน” ต่อเทรนด์โลกธุรกิจและอุตสาหกรรม 5.0 ในอนาคต

ส่วนที่เราได้พูดค้างเอาไว้ในช่วงต้นของบทความว่า “Forbes” ได้มองถึงเทรนด์ของการผลิตในปี 2021 ที่จะเข้ามาเป็นบทบาทสำคัญของธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภท เพื่อเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 5.0 โดยแท้จริง สรุปได้ว่ามี 6 ปัจจัยหลัก ดังนี้

  1. Glocalization เป็นการฟิวชั่นกันระหว่างคำว่า Globalization X Localization พูดแบบให้เห็นภาพง่าย ๆ คือการผสมผสานแนวทางสากลสู่ความเป็นระบบท้องถิ่น เหตุผลหลักก็มาจาก โควิด – 19 อีกนั่นแหละ ที่ทำให้การขนส่งต่าง ๆ เป็นได้ยาก ทำให้หนทางอยู่รอดจำต้องหาซัพพลายเออร์ท้องถิ่นที่มีศักยภาพระดับสูงมาคัฟเวอร์สิ่งที่ขาดหายไปในช่วงนี้ 
  1. ปรับตัวเข้าหาเทคโนโลยี สิ่งที่ทุกองค์กรง่วนอยู่กับกระบวนการนี้ โลกแห่งธุรกิจถูกบังคับให้อัพเกรดในความ “คล่องตัว” หลายสิ่งหลายอย่าง การประสานงาน รวมถึงชุดข้อมูลหากเป็นแบบ “Real-Time” ได้ยิ่งนี้ สิ่งนี้จะทำให้ทุกธุรกิจ โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลแน่นอน
  1. เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ อีกหนึ่งพระเอกของช่วงเวลาหลังโรคระบาด การแก้ปัญหาของความขาดแคลน “ซัพพลายเชน” ถูกสิ่งนี้เข้ามาทดแทนได้อย่างเฉียบขาด ตัวอย่างที่โลกประจักษ์เลยนั่นก็คือการเพิ่มผลผลิตอุปกรณ์การแพทย์แบบรวดเร็ว ซึ่งก็ได้คุณสมบัติพิเศษของสิ่งนี้เข้ามาเติมเต็มได้แบบไร้รอยต่อ
  1. ความสำคัญโครงสร้างพื้นฐาน IT ตรงจุดนี้เคยพูดถึงไปแล้วในบทความก่อน เป็นระบบแรก ๆ ที่จะถูกปรับปรุงเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเทรนด์โลกอุตสาหกรรมสมัยใหม่ การปรับขนาดให้เหมาะสมต่อองค์กร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของข้อมูล บริการ วิศวกรรมที่เกี่ยวข้อง ขนไปถึงระบบภายในต่าง ๆ จำต้องตอบสนองต่อโครงสร้างนี้ได้เป็นอย่างดี
  1. การลงทุนที่เพิ่มขึ้นของ IIOT เนื้อหาจาก Forbes ได้นำเสนอสิ่งที่ Rockwell Automation ได้คาดการณ์เอาไว้ว่าตลาดนี้จะเติบโตมากเกือบ 2 เท่าตัว ในปี 2020 – 2025 จากมูลค่า 77.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 110.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่น่าสนใจมากขึ้นเป็นตัวเลข 75% ที่ผู้ผลิดมีแพลนจะเพิ่มการลงทุนด้วยระบบอัฉริยะนี้ในปีต่อ ๆ ไป
  1. ปัญญาประดิษฐ์ที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ที่ต้องบอกเช่นนี้ เนื่องจากแม้จะเป็นระบบอัฉริยะแต่ก็ยังมีจุดบอดให้เห็นกันอยู่ ดังนั้น ต่อให้เป็นมาตรฐานหลักที่ควรค่าแก่การพัฒนาก็ยังคงต้องทำงานร่วมกับมนุษย์ที่เป็นฝ่ายกำหนดความต้องการด้วยความเข้าใจต่อสถานการณ์โลกอย่างเราคอยควบคุมอีกที ทุกการประสานงานอันไหลลื่นจะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจอย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุดอย่างที่คาดไม่ถึง โดยเฉพาะความสุดยอดของเซนเซอร์ IIOT สามารถสร้างข้อมูลมากกว่า 1.44 พันล้านตำแหน่งต่อข้อมูลโรงงานในหนึ่งวัน โดยตัวเลขนี้ทำให้หลายอุตสาหกรรมตระหนักว่าการบูรณการสิ่งนี้นั้นดีอย่างไร นี่เป็นเหตุผลที่หลายองค์กรผู้ไม่เคยอิดออดต่อการวิวัฒน์ นั้นมีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดอยู่เสมอ
อุตสาหกรรม 5.0

จาก 4.0 ถึง 5.0 “ช้าหรือเร็วไม่เกี่ยว” หากแต่พร้อมรับมือ “ผลลัพธ์ล้วนดีเสมอ”

ทางเรา โรงกลึงพี-วัฒน์ นั้นก็ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการผลิต รองรับทุกความต้องการของลูกค้ามาเสมอ มีการพัฒนาเกี่ยวกับเทรนด์ใหม่ ๆ ที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรม อย่างเครื่อง CNC Machining Center ที่เราได้นำให้บริการลูกค้ามาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งก็สอดคล้องกับการใช้เทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ที่ Forbes มองว่าจะเป็นเทรนด์ต่อ ๆ ไป เป็นสิ่งที่ตอกย้ำได้ว่าการบริหารงาน การดำเนินการของธุรกิจเราเป็นไปตามฉบับสากลมาโดยตลอด

ฉะนั้น มั่นใจได้เลยไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรม 4.0 ที่กำลังถูกพูดถึง หรือจะก้าวสู่อุตสาหกรรม 5.0 ในเร็ววันนี้ จากการเชื่อต่อระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร ไปสู่การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และระบบอัฉริยะปัญญาประดิษฐ์ ที่นี่พร้อมปรับตัวก้าวทันทุกยุคเพื่อรับรองทุกความต้องการ ตอบโจทย์ครอบคลุมทุกบริการแบบครบครัน 100 เปอร์เซนต์