วิทยาการ หุ่นยนต์ ฉบับปี 2023 ยกระดับธุรกิจด้วย Robotics กันเถอะ !

หุ่นยนต์

มีมาต่อเนื่องจริง ๆ สำหรับ “คาดการณ์” ทั้งหลายแหล่เกี่ยวกับแวดวงอุตสาหกรรมต่าง ๆ ขอร้องขอวอนเลยว่าอย่างเพิ่งเบื่อกับเนื้อหาประเภทนี้ เพราะมันอาจจะช่วยอัพเดตข้อมูลที่จะทำให้คุณสามารถหยิบไปใช้พัฒนาธุรกิจองค์กรของคุณได้ โดยเฉพาะเรื่องของ “เทรนด์หุ่นยนต์” แม้เราจะเพิ่งพูดถึงไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่วิทยาการของเจ้า “หุ่นยนต์” ในอุตสาหกรรมนั้นพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหุ่นยนต์ที่คอยช่วยงานอุตสาหการ โรงงาน สายพานการผลิต โรงกลึงต่าง ๆ และบอกเลยว่าหากคุณเป็นหนึ่งคนที่ข้องเกี่ยวกับกิจการประเภทนี้และหากไม่ได้ติดตามอยู่เสมอ บางทีอาจทำให้คุณพลาดสิ่งดี ๆ ที่จะช่วยยกระดับธุรกิจของคุณเลยก็ได้

เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน.. เทรนด์ “Robotics” ปี 2023 รู้ไว้.. ปรับใช้ ยกระดับธุรกิจคุณได้!

7 คาดการณ์เทรนด์ “อุตสาหกรรมหุ่นยนต์” สู่ธุรกิจ

ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มที่หุ่นยนต์ยังเป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ มีความเทอะทะแถมยังกินพื้นที่อย่างมากภายในโรงงาน ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบัน หุ่นยนต์มีความหลากหลายและปรับเปลี่ยนได้มากกว่าที่เคยเป็นมา จนกลายเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินธุรกิจไปเสียแล้ว

โดยเฉพาะเมื่อเร็ว ๆ นี้ การเปลี่ยนแปลงมากมายของแวดวงธุรกิจ การหยุดชะงักของซัพพลายเชน การขาดแคลนแรงงาน แม้กระทั่งความไม่สงบที่เกิดขึ้นของปัญหาระหว่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ทำให้หลายธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินการ ปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ สำหรับเครื่องมือหลักในการท้าทายสถานการณ์เหล่านี้นั้นก็คือเทคโนโลยี “หุ่นยนต์” ส่วนด้านล่างต่อไปนี้เป็น 7 การคาดการณ์ล่าสุดของวิทยาการนี้ในปี 2023…

1. ระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

หุ่นยนต์
Image by Freepik

แหล่งข้อมูลได้ชี้ถึงความสำคัญของการที่นักวิเคราะห์ได้กล่าวว่า 1 ใน 3 ขององค์กรยุโรปกำลังให้ความสำคัญกับระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ตอนนี้เรากำลังก้าวสู่ทศวรรษแห่งข้อมูลขนาดใหญ่ และระบบอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์ก็ไม่ต่างกัน เทคโนโลยีการทำงานแบบอัตโนมัติกลายเป็นระบบที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากขึ้น โดยเน้นที่การใช้โชลูชันตามเนื้อหาที่ได้รับจากการเก็บสถิติบนโลกแห่งความจริง ซึ่งระบบโลจิสติกส์เป็นที่เดียว ณ ตอนนี้ ที่จะทำให้คุณได้เห็นระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งหลายที่ก็ได้ใช้หุ่นยนต์เข้ามาเป็นส่วนในการตัดสินใจด้วยเหตุผลจากการวิเคราะห์ข้อมูล

2. การเพิ่มความสามารถให้มนุษย์ด้วยหุ่นยนต์

เทคโนโลยีหุ่นยนต์ยังถูกนำไปประยุกต์ใช้ร่วมกับเทคโนโลยีอื่น ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ประมาณ 35 เปอร์เซนต์ ขององค์กรจะรวบรวมหุ่นยนต์เชิงกายภาพผสมผสานกับเทคโนโลยีอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ พัฒนาความสามารถของมนุษย์ และแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน บริษัทต่าง ๆ เริ่มตระหนักมากขึ้นว่าหุ่นยนต์ไม่ได้มาแทนที่งานของมนุษย์ แต่เป็นวิธีที่จะปรับปรุงสิ่งที่มนุษย์ทำได้อยู่แล้ว เนื่องจากหลายอุตสาหกรรมประสบปัญหาทักษะและการขาดแคลนแรงงาน หุ่นยนต์จึงเข้ามาเสริมในจุดนี้ เรียกว่าเป็นการเติมเต็มช่องว่างที่มีได้อย่างแนบเนียน

3. การใช้ Cobot เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หุ่นยนต์
Image by Lifestylememory on Freepik

เจ้า Cobot หรือในพากย์ไทยว่า “หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน” ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งคีย์แมนแนวหุ่นยนต์ในทศวรรษที่ผ่านมา และคาดว่าโคบอทจะคิดเป็น 30 เปอร์เซนต์ ของตลาดหุ่นยนต์ทั้งหมดภายในปี 2027 โคบอทนั้นได้รับการออกแบบมาให้ทำงานเคียงข้างมนุษย์ได้อย่างปลอดภัยและใช้งานง่าย ทำให้เหมาะสำหรับบริษัทที่ไม่มีประสบการณ์ด้านวิทยาการหุ่นยนต์มาก่อน และไม่มีพื้นที่หรือทรัพยาเพียงพอจะรองรับหุ่นยนต์อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องมีมาตรการป้องกันความปลอดภัยในระดับสูง

4. หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ “กำลังจะมา”

สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติกำลังย่างกรายเข้าสู่ธุรกิจต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในภาคส่วนของ “โลจิสติกส์” ณ งานแสดงสินค้าของ Automatica (งานจัดแสดงเทคโนโลยี Automation) ครั้งที่ผ่านมา มีหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติมากมายที่ถูกพัฒนาขึ้น เทคโนโลยีที่ถูกคิดค้นตั้งแต่แรก เริ่มถูกใช้งานแพร่หลาย ส่วนที่พัฒนาใหม่ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย ซึ่งตอนนี้ก็มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าใหญ่อย่างโลจิสติกส์ ก่อนที่จะขยายไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ ต่อไป

5. ระบบอัตโนมัติสำหรับประกอบชิ้นส่วน “อิเล็กทรอนิกส์” จะเติบโต

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับวิทยาการหุ่นยนต์คือการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะการประกอบชิ้นส่วนนั้นกำลังมา! ตัวอย่างที่ง่ายที่สุดตอนนี้ เช่น การขันสกรูด้วยหุ่นยนต์เป็นงานทำซ้ำที่ทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่า เป็นหนึ่งในกระบวนการที่ทำให้งานประกอบนั้นเสร็จเร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก หุ่นยนต์สามารถประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอกนิกส์ได้อย่างสม่ำเสมอกว่าแรงงานมนุษย์ที่ทำงานลักษณะเดียวกัน สิ่งนี้สามารถประหยัดเวลาและงบของบริษัทในขณะที่ช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการประกอบผลิตภัณฑ์ด้วยมนุษย์ควบคู่กันไป

หุ่นยนต์
Image by Freepik

6. อุตสาหกรรมยานยนต์ “ตกบัลลังก์” ด้านหุ่นยนต์เป็นครั้งแรก

นับเป็นเวลานานมากแล้วที่อุตสาหกรรม “ยานยนต์” นั้นเป็นผู้นำของระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ แต่ล่าสุดก็เสียตำแหน่งนี้แล้วเรียบร้อย ในปี 2020 จำนวนการนำหุ่นยนต์ไปใช้ในงานยานยนต์นั้นมากกว่าประเภทอื่นเป็นปกติ แต่ปี 2021 มีจำนวนเท่ากับการใช้งานในอุตสาหกรรมอื่นรวมกันเป็นครั้งแรก จากข้อมูลนี้ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองว่าอุตสาหกรรมอื่นนั้นเริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีนี้มากขึ้นแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

7. วิทยาการหุ่นยนต์ที่ชาญฉลาดและปรับตัวได้มากขึ้น

ขึ้นชื่อว่า “หุ่นยนต์” นอกจากจะพัฒนาเรื่องความฉลาดได้เรื่อย ๆ แล้ว ตอนนี้การปรับได้หลากหลายเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เทคโนโลยีนี้ได้รับความนิยม เทคโนโลยีคลื่นลูกใหม่ของหุ่นยนต์สามารถรวบรวมข้อมูลตามเวลาจริงเข้ากับการปฏิบัติงานได้ ซึ่งนั่นจะทำให้การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ตลอดจนการดำเนินงานทำได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของอัลกอริธึมปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้งานได้จริง มีการคาดหวังว่าเร็ว ๆ นี้ ทุกคนจะได้เห็นหุ่นยนต์ชั้นสูงและมีความสามารถที่ซับซ้อนมากขึ้นในไม่กี่ปีข้างหน้า

เหนือสิ่งอื่นใด “หุ่นยนต์ต้องใช้งานง่าย”

กุญแจสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ นอกจากความอัจฉริยะ ความฉลาดของ AI สิ่งที่ทำให้ถูกเลือกใช้จนกลายมาเป็นเทรนด์ฮอตฮิต คือ การเพิ่มขึ้นของหุ่นยนต์ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมร่วมสมัยผ่านการใช้งานด้วยแอพพลิเคชั่น ทำให้อุปสรรคในการก้าวเข้าสู่ระบบหุ่นยนต์อัตโนมัตินั้นลดน้อยลง ซึ่งในปัจจุบัน หุ่นยนต์กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกบริษัทที่จะใช้ ไม่ใช่แค่บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์เท่านั้น เพราะดูเหมือนว่าแนวโน้มไปสู่หุ่นยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานง่ายจะดำเนินต่อไป นอกจากชุดแอพพลิเคชั่นแล้ว เราจะได้เห็นโมเดลธุรกิจที่ใช้หุ่นยนต์เป็นบริการเพิ่มมากขึ้นแน่นอน

แม้เราอาจยังไม่ทราบถึงสถานการณ์ที่แน่ชัดของสิ่งต่าง ๆ ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไรในปี 2023 นี้ แต่หวังว่าการคาดการณ์สำหรับเทรนด์ที่จะเข้ามายกระดับอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ภายในเนื้อหาวันนี้ ช่วยให้คุณเกิดไอเดียมาปรับใช้กับธุรกิจคุณได้ และหากคุณยังไม่เคยลองศึกษาการใช้หุ่นยนต์ในธุรกิจ… ไม่มีอะไรเหมาะสมไปกว่าตอนนี้แล้ว!

Credit : ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลมา ณ ที่นี้

เทรนด์โลจิสติกส์กับการขนส่งอุตสาหกรรมในปี 2022 ที่น่าสนใจ

โลจิสติกส์

ความเสียหายต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ซึ่งอันที่จริงแล้วปี 2021 ณ ปัจจุบันที่กำลังจะผ่านพ้นไป เริ่มมีการวางโครงสร้าง มองหากลยุทธ์ใหม่ ๆ มาปรับใช้กับวงการ “โลจิสติกส์” อันเป็นหนึ่งในกระบวนการสำคัญต่ออุตสาหกรรมแทบจะทุกประเภท หลาย ๆ โรงงานอุตสาหกรรมทั่วโลก ทั่วประเทศ รวมถึงโรงกลึงพีวัฒน์ก็ต่างเจอปัญหาจากผลกระทบเรื่องการขนส่งที่มีต้นเหตุจากโรคระบาดไม่น้อยเช่นกัน

ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจากสิ่งที่เกิดขึ้นเสียมากกว่า แต่หลังจากที่ทั่วโลกได้ประเมินแล้วว่าต้องอยู่กับสถานการณ์แบบนี้ไปอีกพักใหญ่ การมองถึงเรื่องอนาคตโดยนำเอานวัตกรรมต่าง ๆ มาผูกกับระบบการขนส่งจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ กลายเป็นหัวข้อที่เราจะพูดคุยกันในวันนี้

โลจิสติกส์ กับ Covid-19

อุตสาหกรรมโลจิสติกส์เคยมีมูลค่าสูงถึง 7,641.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี 2017 แต่พอเจอกับพิษ Covid-19 เข้าไปทำเอาลดลงมาเหลือ 5,200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2019 ส่วนต่างขนาดนี้ต่อให้เราไม่ได้เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง เห็นตัวเลขที่หายไปยังรู้สึกน่าตกใจไม่น้อยเลยใช่มั้ยล่ะ..

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่เริ่มคลึ่คลายลงในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ข้อมูลล่าสุดที่เราได้สืบค้นมา ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมโลจิสติกส์กำลังจะกลับมาเข้ารูปเข้ารอย อาจเติบโตไปถึงตัวเลขระดับ 12,975.64 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2027 ได้ไม่ยาก

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยสำคัญที่จะเข้ามายกระดับอุตสาหกรรมนี้ และในปี 2022 ที่กำลังจะถึง เราได้นำแนวโน้มที่จะเข้ามาเพิ่มศักยภาพให้กับวงการโลจิสติกส์ โดยเนื้อหาทั้งหมดอยู่ด้านล่างแล้ว ตามไปเสพย์กันได้เลย

โลจิสติกส์

เทรนด์ โลจิสติกส์ ที่น่าสนใจในปี 2022

ต้องบอกกันแบบนี้ก่อนว่าในช่วงที่หลาย ๆ อุตสาหกรรมเจอกับผลกระทบอย่างหนักหน่วง แต่เรื่องของเทคโนโลยีและนวัตกรรมนั้นรุดหน้าอยู่เสมอ โดยเนื้อหาต่อไปนี้จะเทรนด์ที่น่าสใจเกี่ยวกับการยกระดับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ที่อาจจะเข้ามามีอิทธิพลในปี 2022 รวมถึงปีต่อ ๆ ไป

คลาวด์ คอมพิวติ้ง

แม้ว่าอาจมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลในช่วงแรกที่มีการเริ่มใช้ แต่การนำระบบคลาวด์ คอมพิวติ้ง มาใช้นั้นถือเป็นโอกาสใหญ่ของบริษัทที่จะก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดเรื่องโลจิสติกส์จากโมเดล SaaS (Software-as-a-Service) ที่จะช่วยให้เข้าถึงผลกำไรที่สูงขึ้นเกินกว่าผลตอบแทนทั่วไปจากความสามารถขององค์กร

คลาวด์จะกลายเป็นข้อกำหนดพื้นฐานสำหรับงานบริการโลจิสติกส์ที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ข้อดีมีมากมาย ทั้งช่วยลดค่ายใช้จ่ายด้านไอทีสำหรับการบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานและการตั้งค่าโซลูชั่น ช่วยให้ผู้บริการกำหนดเป้าหมายธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องกาาชำระค่าเทคโนโลยีตามการสมัครรับใช้ข้อมูล โดยเหล่านี้มีบริษัทซัพพลายเชนร่วมเป็น Third Party คอยตอบสนอง แก้ปัญหา เชื่อมทุกอย่างเข้าด้วยกัน

เทคโนโลยีบล็อคเชน

แอปพลิเคชั่นบล็อคเชนมีศักยภาพสูงในการเติมเต็มฟังก์ชั่นด้านโลจิสติกส์ เป็นตัวกำหนดทิศทางการกระจายสินค้าและการขนส่งในปี 2022 และปีต่อ ๆ ไป  มีความสามารถในการแก้ปัญหาสำคัญ ๆ ได้โดยการสร้างบันทึกดิจิทัลที่เข้ารหัสซึ่งติดตามสินค้าในทุกขั้นตอนของซัพพลายเชน มองเห็นได้อย่างชัดเจนหากเกิดความผิดปกติที่ส่งผลต่อการขนส่ง ช่วยให้บริษัทเข้าถึงปัญหาหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญที่สุดสำหรับ บล็อคเชน สามารถทำให้กระบวนการโลจิสติกส์เป็นไปอย่างอัตโนมัติ แถมยังตรวจสอบ สนับสนุน แบ่งปันข้อมูลได้อย่างปลอดภัย และบรรลุเป้าหมายร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โลจิสติกส์

Internet of Things (IoT) 

ปัจจุบันสิ่งนี้อาจจะยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร แต่แนวคิดระบบการขนส่งอัจฉริยะ การวางแผนเส้นทาง อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ได้ผสานรวมโซลูชั่น AI เข้ากับการดำเนินงาน นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ได้รับการพูดถึงและจะเพิ่มศักยภาพได้อย่างมหาศาล

แบบสำรวจของการใช้ AI ทั่วโลก การนำสิ่งนี้มาใช้พิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการขนส่ง สามารถเพิ่มผลกำไรของบริษัทได้มากกว่า 40% ต่อปี และการที่บริษัทยักษ์ใหญ่บางแห่งเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยี AI เพื่อประหยัดเงินและเวลาในอนาคต ก็น่าจะเป็นคำตอบได้อย่างดี

รถบรรทุกไร้คนขับ

น่าจะยังเร็วเกินไปนิด หากจะพูดเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรายังเห็นข่าวรถพลังงานไฟฟ้าของ Tesla ใช้ระบบ “ออโตไพลอต” แล้วยังเกิดอุบัติเหตุตามท้องถนนอยู่..

ซึ่งก็เป็นไปตามที่แหล่งข้อมูลได้กล่าวไว้ เทคโนโลยีการขับขี่ด้วยตนเองยังอยู่ในระหว่างพัฒนาและปรับปรุง ยังมีอุปสรรคอีกหลายอย่างที่ต้องเอาชนะ เช่น การปรับปรุงซอฟต์แวร์ไร้คนขับเพื่อให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดบนถนนในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น ซึ่งถือเป็นงานหินพอสมควร แต่ก็เป็นหนึ่งในแนวโน้มอันสอดคล้องกับคมนาคมขนส่งในอนาคตที่ผู้เชี่ยวชาญได้คาดการณ์เอาไว้ หากทุกอย่างลงตัวพร้อมใช้งาน นี่น่าจะเป็นเทรนด์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดเทรนด์นึง ชนิดที่คนทั่วไปเห็นแล้วยังต้องอึ้งกันเลย

Last-Mile Delivery

ภาษาธุรกิจของอุตสาหกรรมของโลจิสติกส์ หากเรียกกันแบบให้เข้าใจง่ายที่สุดน่าจะเป็น “ไม้สุดท้าย” ของการขนส่งนั่นเอง

บริษัทต่าง ๆ ได้พัฒนาเรื่องนี้กันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การจัดสั่งอันราบรื่นที่สุด โดยในปี 2022 ที่จะถึงนี้ มีองค์กรจำนวนไม่น้อยพร้อมจะใช้ประโยชน์จากเครื่องมือเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นสูง เพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อมูลอัพเดตแบบเรียลไทม์ ตลอดจนกระทั่งเหตุผลในการที่สินค้ายังไม่ถูกจัดส่ง รวมถึงแนวทงการแก้ปัญหาต่าง ๆ ของการขนส่งเคสบายเคสแบบละเอียด

การส่งมอบไม้สุดท้ายเป็นส่วนสำคัญที่สุดของกานขนส่งเลยก็ว่าได้ เพราะมีความเกี่ยวข้อโดยตรงกับระดับความพึงพอใจของลูกค้า แต่สิ่งที่ทำให้เทรนด์นี้อยู่ในลำดับท้าย ๆ ที่จะนำมาพิจารณาทั้ง ๆ ที่หากทำได้ดีจะส่งผลดีกับบริษัทโดยตรง นั่นเป็นเพราะมีอีกหลายปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมขององค์กรนั่นเอง

โลจิสติกส์

อย่างที่เรารู้กันว่าหลายอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์โรคระบาดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ได้ก็มาในรูปแบบของการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ มารองรับ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาจากเรื่องดังกล่าว หรือการเพิ่มศักยภาพ เพิ่มหนทางใหม่ ๆ ในการผลักดันให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ เหมือนกับเทรนด์ของอุตสาหรรมโลจิสติกส์ที่เรานำมาพูดคุยกันผ่านเนื้องหาวันนี้ หากคุณรู้สึกสนใจหัวข้อไหน สามารถต่อยอดหาข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดเชิงลึกเพื่อนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้เลย

ขอขอบคุณเนื้อหาสาระจากแหล่งข้อมูล และบทความดี ๆ จากต้นทางมา ณ ที่นี้

https://www.globaltrademag.com/what-does-2022-have-in-store-for-the-shipping-logistics-industry/

https://xtendedview.com/business/emerging-logistics-industry-trends/8813/