ทำไม ? Gigafactory โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ถึงเป็นผู้นำแห่งเทคโนโลยี

โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

ในวงการอุตสาหกรรมทุกวันนี้ คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ หากบอกว่า.. เทสลาเป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างครอบคลุมที่สุด และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ที่มาพร้อมกับความแม่นยำในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าได้เป็นอันดับต้นๆ ของโลก ผลผลิตอันแสนวิเศษเหล่านั้น คลอดออกมาอย่างตั้งใจจาก โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Gigafactory วันนี้เราจะมาดูกันว่าโรงงานระดับโลกที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อน มีแนวคิดและให้ความสำคัญกับอะไร รวมไปถึง AI ที่เทสลาใช้จนจบกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งรถ 1 คัน มีบทบาทสำคัญในขั้นตอนอะไรบ้าง ..ไปดูกัน

AI หุ่นยนต์อุตสาหกรรม ตัวเอกของกระบวนการ

เทสลาได้นำ AI มาประยุกต์ใช้ในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต เพื่อสร้างโรงงานอัจฉริยะที่สามารถผลิตยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เทคโนโลยี AI เหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เทสลาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้บริษัทอื่นๆ แน่นอน.. รวมถึงโรงกลึงพี-วัฒน์ของเรา มรากำลังเฝ้าติดตามข่าวสารโรงงานอุตสาหกรรมอัจฉริยะอยู่เรื่อยๆ เพื่อเตรียมรับมือในอนาคต และแนวทางในการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมของเราอีกด้วย

หุ่นยนต์ที่ควบคุมด้วย AI เหล่านี้ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยใช้ AI ในการวางแผนการเคลื่อนไหว การควบคุมแรง และการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง มิหนำซ้ำยิ่งเหนือชั้นขึ้นไปอีก คือหุ่นยนต์สามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ได้โดยการสังเกตการทำงานของมนุษย์ ทำให้สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น

โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
Credit : https://www.tesla.com

หุ่นยนต์ที่ควบคุมด้วย AI ใน Gigafactory ทำอะไรบ้าง ?

การวางแผนการผลิต

AI ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เช่น ยอดขาย ประวัติการสั่งซื้อ และปัจจัยภายนอก เพื่อทำนายความต้องการของตลาด และวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการ และช่วยในการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การลดเวลาในการผลิต การลดปริมาณวัสดุสิ้นเปลือง และการลดต้นทุนการผลิต

การประกอบแบตเตอรี่

หุ่นยนต์ที่ควบคุมด้วย AI ทำการประกอบเซลล์แบตเตอรี่เป็นโมดูล และประกอบโมดูลเข้าด้วยกันเป็นแพ็คแบตเตอรี่

การทดสอบสมรรถนะของแบตเตอรี่

ระบบวิสัยทัศน์ด้วยคอมพิวเตอร์ตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบตเตอรี่ และวัดประสิทธิภาพการทำงาน

การควบคุมหุ่นยนต์ในการพ่นสี

หุ่นยนต์ใช้ AI ในการควบคุมการเคลื่อนไหวของแขนกลเพื่อพ่นสีรถยนต์ได้อย่างแม่นยำและสม่ำเสมอ

การตรวจสอบคุณภาพ

การตรวจสอบคุณภาพผ่านระบบวิสัยทัศน์ด้วย AI นำมาใช้ในการตรวจสอบคุณภาพของชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย ด้วยความแม่นยำสูงและรวดเร็วกว่าการตรวจสอบด้วยสายตาของมนุษย์ ระบบนี้ยังสามารถตรวจจับข้อบกพร่องหรือความผิดพลาดในการผลิตได้อย่างรวดเร็ว และส่งสัญญาณเตือนให้แก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที

การบำรุงรักษา

AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อ “คาดการณ์” ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องจักร และส่งสัญญาณเตือนให้ช่างสามารถวางแผนการบำรุงรักษาได้อย่างเหมาะสม และเข้าไปแก้ไขได้ก่อนที่ปัญหาจะรุนแรงขึ้น

การเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องจักร: การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ช่วยลดความเสี่ยงของการหยุดชะงักในการผลิต และเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องจักร

โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
Credit : https://www.tesla.com
การโต้ตอบกับมนุษย์

AI สามารถเข้าใจภาษาที่มนุษย์พูดหรือพิมพ์ และตอบสนองได้อย่างถูกต้อง ทำให้การสื่อสารระหว่างมนุษย์กับระบบอัตโนมัติเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น หุ่นยนต์ที่เราเห็นบ่อยๆ คือ Optimus ซึ่งเทสลาได้พัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ Optimus ที่ใช้ AI ในการควบคุมการเคลื่อนไหว การมองเห็น และการตัดสินใจ หุ่นยนต์เหล่านี้มีศักยภาพในการทำงานร่วมกับมนุษย์ในงานที่หลากหลายภายในโรงงาน

มีการปรับปรุงกระบวนการผลิต

AI สามารถเรียนรู้จากการกระทำและผลลัพธ์ที่ได้ ทำให้สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การหาเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับหุ่นยนต์ในการเคลื่อนที่ หรือการปรับพารามิเตอร์ของเครื่องจักรให้เหมาะสมกับงานที่ทำ

การออกแบบผลิตภัณฑ์

AI สามารถสร้างแบบจำลอง 3 มิติของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้นักออกแบบสามารถทดลองและปรับปรุงดีไซน์ได้อย่างง่ายดาย

การสร้างสรรค์เนื้อหา

AI สามารถสร้างภาพ สร้างวิดีโอ หรือสร้างข้อความเพื่อใช้ในการสื่อสารและการตลาดได้

เห็นได้ชัดว่าประโยชน์ที่เทสลาได้รับจากการนำ AI มาใช้ คือเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และลดระยะเวลาในการผลิต เพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์มีความสม่ำเสมอและมีคุณภาพสูงขึ้น และมีความยืดหยุ่นในการผลิตสูง สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลง และแน่นอนคือด้านความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานของมนุษย์

โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
Credit : https://www.tesla.com

เทสลาให้ความสำคัญกับอะไร ?

เรารู้กันดีว่า Gigafactory ขอเทสลา สามารถผลิตยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตที่ทันสมัยมาใช้หลายอย่างตามที่กล่าวไปเเล้ว นอกจากนี้ Gigafactory ยังรวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลจากกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพของชิ้นส่วน ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเครื่องจักร และข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของหุ่นยนต์ ข้อมูลเหล่านี้ถูกนำมาวิเคราะห์โดย AI เพื่อหารูปแบบและแนวโน้มต่างๆ ซึ่งจะช่วยในการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เทสลาใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของ AI ที่ช่วยให้ระบบสามารถเรียนรู้จากข้อมูลได้ด้วยตนเอง ที่สำคัญมีการลงทุนด้าน R&D อยู่ตลอดเวลา เทสลาลงทุนอย่างมากในการวิจัยและพัฒนาระบบ AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเรียนรู้ของเครื่องจักรและวิสัยทัศน์คอมพิวเตอร์

สุดท้ายการลงทุนกับคนก็เป็นเรื่องที่องค์กรสมัยใหม่ยังคงต้องให้ความสำคัญที่สุด แม้ AI จะทำงานบางอย่างแทนคนได้แล้วก็ตาม เทสลารวบรวมนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรระดับหัวกะทิที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI มาทำงานร่วมกัน เพื่อพัฒนาระบบ AI ให้มีความสามารถสูงสุด

จุดเด่นของ Gigafactory

  • การผลิตในปริมาณมาก Gigafactory สามารถผลิตแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้าได้ในปริมาณมาก ช่วยลดต้นทุนการผลิตและทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
  • เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย Gigafactory ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย เช่น หุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระบบอัตโนมัติ และปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
  • การออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Gigafactory ถูกออกแบบมาให้ใช้พลังงานหมุนเวียน และมีการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ
  • Gigafactory ของ Tesla มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่การใช้พลังงานสะอาด และเป็นตัวอย่างของการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน
  • การพัฒนา AI ใน Gigafactory มีผลกระทบต่อตลาดแรงงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ โดยมีทั้งผลกระทบในแง่บวกและแง่ลบ ดังนี้

อัจฉริยะแค่ไหน แค่เหรียญย่อมมีสองด้าน

แน่นอนว่าความล้ำสมัยสุดขั้วของ โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Gigafactory ของเทสลาย้อมต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสีย และผลกระทบที่เกิดกับสภาพแวดล้อม อย่างที่คำพูดคุ้นหูจากยุคสมัยของการตื่นรู้ในอดีต ที่กล่าวว่า “การเกิดขึ้นของนวัตกรรมใหม่ๆ ต้องแลกมาด้วยความเสียสละอันยิ่งใหญ่”

โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
Credit : https://www.tesla.com

ผลกระทบในแง่ลบ

  • การลดจำนวนพนักงาน: เนื่องจาก AI เข้ามาแทนที่งานที่ซ้ำซากและอันตราย ทำให้จำนวนพนักงานในสายการผลิตอาจลดลงได้
  • การเปลี่ยนแปลงทักษะที่ต้องการ: พนักงานจะต้องมีทักษะที่สูงขึ้นในการทำงานร่วมกับ AI เช่น การเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ข้อมูล และการแก้ไขปัญหา ซึ่งอาจทำให้พนักงานบางส่วนต้องปรับตัวหรือฝึกอบรมเพิ่มเติม

ผลกระทบในแง่บวก

  • การสร้างงานใหม่: การพัฒนา AI จะสร้างงานใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา AI การบำรุงรักษาระบบ AI และการวิเคราะห์ข้อมูล
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: AI ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องทำงานที่ซ้ำซากจำเจ ทำให้พนักงานมีเวลาในการทำงานที่สร้างสรรค์มากขึ้น
  • การปรับปรุงสภาพการทำงาน: AI ช่วยลดงานที่เสี่ยงอันตราย ทำให้สภาพการทำงานของพนักงานปลอดภัยมากขึ้น

แม้การพัฒนา AI ใน Gigafactory จะส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของงานที่ถูกแทนที่ ความเร็วในการพัฒนา AI และนโยบายของรัฐบาลในการรองรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้

Credits : https://www.tesla.com

การมาของ “รถยนต์ไฟฟ้า” ส่งผลอย่างไรต่ออุตสาหกรรมยานยนต์แบบเก่า?

รถยนต์ไฟฟ้า

ไม่ได้พูดถึงเรื่องของยานยนต์เสียนาน แต่พอได้เห็นกระแสของ “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่กำลังมาแรงในบ้านเรา หลังเจ้า Ora Good Cat เปิดตัว ไม่ว่าจะด้วยความน่ารัก สเป็คที่ชวนให้จับจองเป็นเจ้าของ หรืออะไรก็ตามแต่ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบเก่าที่ซดน้ำมัน (ICE) จะถูกแทนที่มากน้อยแค่ไหนกันนะ…

ด้วยความใคร่รู้ดังกล่าว ทำให้เราไปเจอบทความหนึ่งที่พูดถึงการเข้ามา “ปฏิวัติ” ของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งอาจจะมีส่วนเข้ามากำหนดสเป็คสำหรับ OEM (Original Equipment Manufacturer) และบรรดาซัพพลายเออร์ในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างมาก เว็บไซต์โรงกลึงพีวัฒน์ตื่นตัวกับอุตสาหรกรรมด้านนี้ และเกิดความสนใจเป็นอย่างมาก เลยอยากนำมาเล่าสู่กันฟังผ่านเนื้อหาด้านล่างนี้

รถยนต์ไฟฟ้า

เทสล่า & BYD ทัพหน้าพายานยนต์สู่ยุคใหม่?

เริ่มต้นจากการบุกเบิกรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของ เทสล่า และ BYD รวมถึงแบรนด์อื่น ๆ ส่งผลให้คำว่า “ล้าสมัย” มาเยือนเทคโนโลยียานยนต์แบบเก่า (ICE) ไวยิ่งขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่ารถยนต์ส่วนบุคคลกว่า 50% ทั้งหมดจะกลายเป็นแบบไฟฟ้าภายในปี 2040 จึงไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์มากเท่าไหร่ที่ เทสล่า และ BYD ยังคงเป็นสองบริษัทที่ดูจะล้ำหน้าเรื่องเทคโนโลยีเกี่ยวกับยานยนต์ประเภทนี้มากกว่าเจ้าอื่น

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ หลายบริษัทก็ไม่ได้เพิกเฉยแต่อย่างใด เพราะเอาเข้าจริง ยุคนี้เป็นทศวรรษที่อุปกรณ์ต่าง ๆ เทคโนโลยี CNC สำหรับยานยนต์ เครื่อข่ายลอจิสติกส์ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมแขนงนี้ นั้นพัฒนารุดหน้าอย่างรวดเร็ว พิสูจน์ได้จากความสามารถในการผลิตที่หลากหลาย ตลอดจนเรื่องของเงินทุนก้อนโตที่เกินกว่าจะเมินได้ แต่การจะเข้าร่วมวงแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยแบบสองแบรนด์ดังกล่าวนั้นจำเป็นต้องใช้เวลา ทั้งเรื่องของการปรับแต่งเครื่องมือเพื่อเบี่ยงเส้นทางจากสาย ICE สู่ EV โดยภาคส่วนการผลิตยานยนต์ด้วยเครื่องมือ CNC นั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แบบเต็ม ๆ

รถยนต์ไฟฟ้า

ความแตกต่างของการผลิตชิ้นส่วนระหว่างโรงงานแบบ ICE กับ EV

เครื่องยนต์แบบ ICE นั้นภายในมีความซับซ้อนอย่างมาก ซึ่งเกิดจากความจำเป็นในการเปลี่ยนพลังงานเคมีให้เป็นข้อได้เปรียบทางกล พลังงานจากแรงเชิงเส้นเพื่อหมุนล้อผ่านเกียร์สร้างความซับซ้อนที่ดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด ไหนจะเรื่องชิ้นส่วนทั่วไปที่มักทำมาจากโลหะ นั่นแปลว่าต้องมีเรื่องของการกลึงเข้ามาเกี่ยวข้องในการผลิตอีก

ส่วนเครื่องยนต์แบบ EV จะมีความซับซ้อนที่น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด ในแง่ของชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวของรถยนต์ไฟฟ้า แบ่งส่วนประกอบหลักเป็น 3 ส่วน คือ มอเตอร์ไฟฟ้า ชุดแบตเตอรี่ และเกียร์

เรื่องของการทำงานนั้น พลังงานไฟฟ้าจะถูกดึงออกมาผ่านกระบวนการทางเคมีมาให้สู่มอเตอร์ แล้วมอเตอร์จะส่งกำลังไปยังล้อโดยใช้แค่เกียร์ขนาดเล็ก ซึ่งปกติเป็นเกียร์แบบความเร็วเดียว (เช่น รถของเทสล่า) นั่นหมายความว่าการผลิตชิ้นส่วนที่ต้องใช้ CNC มีกระบวนการน้อยกว่าโรงงานแบบ ICE แน่นอน

รถยนต์ไฟฟ้า

ข้อกำหนดของ EV Machining

นี่เป็นสิ่งที่บรรดา OEM และซัพพลายเออร์ของแต่ละบริษัทจะต้องพัฒนาควบคู่กันในการเปลี่ยนแปลงสู่ตลาดยานยนต์ไฟฟ้า โดยด้านล่างนี้เป็นข้อกำหนดบางส่วนที่เป็นข้อมูลสำหรับ EV Machining เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติตามสองค่ายผู้นำในอุตสาหกรรมนี้

การผลิตแบตเตอรี่ การผลิตแบตเตอรี่จะเป็นคอขวดของการผลิต EV ในอนาคต โดยนี่เป็นการคาดการณ์ของ เทสล่า และกำลังวางแผนที่จะบรรเทาผลกระทบดังกล่าว โดยการสร้างศูนย์กลางผลิตแบตเตอรี่ที่เรียกว่า “Gigafactories” นี่เป็นสิ่งที่บริษัทรถยนต์จำเป็นต้องลุยเรื่องการผลิตแบตเตอรี่เอง เนื่องด้วยตลาดนั้นมีการแข่งขันสูงมากอยู่แล้วจากการนำ EV ไปทั่วโลกอย่างจำกัด

นอกจาก เทสล่า ทางด้านของ BYD เองได้ดำเนินการผลิตชุดแบตเตอรี่ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นกระบวนการที่ต้องการความแม่นยำในการผลิตมากที่สุด และยังจำเป็นต้องมีเครื่อง CNC ระดับสูงอีกด้วย

การผลิตระบบส่งกำลัง นี่น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สามารถเกิดขึ้นได้ไวสุดเลยก็ว่าได้ เพราะระบบส่งกำลังสำหรับ EV มีความซับซ้อนน้อยกว่าระบบกำลังของ ICE ทั่วไปมาก ดังนั้น OEM และซัพพลายเออร์สามารถจัดการได้เป็นลำดับแรก ๆ โดยเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรกับกระบวนการที่มีอยู่แค่เล็กน้อยเท่านั้น

แผงตัวถัง เป็นอีกสิ่งนึงที่ไม่ได้รับผลกระทบมากนักหากต้องการกระโจนสู่ตลาดยานยนต์ EV แผงตัวถังเหล่านี้สร้างขึ้นโดยการปั๊มหรือดึงแผ่นโลหะให้เป็นรูปทรงตามต้องการ โดยใช้แม่พิมพ์เพื่อสร้างรูปแบบที่ซับซ้อนของรถยนต์ กระบวนการนี้ถูกกลึงโดยใช้เครื่องจักรแบบ 5 แกน ซึ่งในการผลิต ICE นั้นใช้งานกันอยู่แล้ว

คุณภาพที่สูงขึ้น นอกจากความ “รักษ์โลก” แล้ว สิ่งที่ตลาดนี้นำเสนอมาตลอด คือ “ความเรียบง่าย” ซึ่งหมายถึงภาพรวมของทุกอย่าง ความสัมพัทธ์ของ EV และเซฟคอสต์เรื่องการบำรุงรักษา โฟกัสต่าง ๆ จะพาไปสู่การผลิตชิ้นส่วนที่มีคุณภาพสูงขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ชิ้นส่วนที่กลึงมีอายุการใช้งานยาวนานตราบเท่าส่วนประกอบอื่นของรถยนต์ไฟฟ้า นี่เป็นอีกสิ่งที่จำเป็นต้องผลิตด้วยเครื่องจักรชั้นสูง ต้องสามารถตอบสนองความแม่นยำและมีความสามารถในการทำซ้ำตามที่ผู้ผลิตแพลนไว้

น้ำหนักเบา เรื่องน้ำหนักเป็นจุดหลักที่ตลาด EV ให้ความสำคัญค่อนข้างมาก ดังนั้นชิ้นส่วนต่าง ๆ จำเป็นต้องผลิตจากวัสดุน้ำหนักเบา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเป็นของ เทสล่า ที่เกือบจะใช้สเปคเดียวกันกับการบินและอวกาศกันเลย แต่มีการปรับใช้ ออแบบโดยใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับยานยนต์

ขั้นตอนนีมีความซับซ้อนและต้องใช้เวลาในการผลิตมากกว่าชิ้นส่วนยานยนต์แบบดั้งเดิม เป็นผลมาจากรูปทรงอินทรีย์ที่ซับซ้อนจากอัลกอรธึมที่โปรแกรมเอาไว้

เสียงรบกวนต่ำ การออกแบบโดยคำนึงถึง “ความเงียบ” เป็นอีกจุดขายของ EV อยู่แล้ว และอาจมีเสียงรบกวนมากเกินความจำเป็นหากชิ้นส่วนมีการตัดเฉือนที่ไม่ตรงสเป็ค ส่วนการแก้ปัญหานั้นไม่ยากเลย แต่ต้องใช้ทุนหนักหน่อย เพราะจำเป็นต้องใช้เครื่องเจียรที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งก็มั่นใจได้เลยว่าจะบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการได้อย่างแน่นอน

รถยนต์ไฟฟ้า

ความต้องการของผู้บริโภคสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ายังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง “การปรับตัว” เปลี่ยนไปใช้สายการผลิตที่ได้รับการออกแบบอย่างเหมาะสมและมีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้นสำหรับ EV มีความสำคัญมาก จากแนวโน้มปัจจุบันในข้อมูลที่ได้รับมานี้ จำนวนชิ้นส่วนโลหะมีความต้องการลดลงอย่างมาก ส่วนความต้องการในชิ้นส่วนคุณภาพสูงสำหรับ EV กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง… OEM และซัพพลายเออร์ในอุตสาหกรรมยานยนต์มีสิทธิ์สูญเสียกำลังการผลิตที่อาจส่งผลร้ายแรงต่อธุรกิจเกินกว่าที่จะจินตนาการเลยก็ได้

ขอขอบคุณบทความต้นทางจาก https://kingsburyuk.com/how-will-the-electric-vehicle-revolution-change-machining-requirements-for-oems-and-suppliers-in-the-automotive-industry